ฮ่องกง 23 ส.ค. – ททท.รุกตลาดคู่รักฮ่องกงแต่งงานในไทย ตั้งเป้าปี 66 นักท่องเที่ยวฮ่องกงเดินทางเข้าไทย 700,000 คน ปักธงปี 67 ดึงคนรุ่นใหม่กระเป๋าหนักเที่ยวไทย เพิ่มเป้าถึง 1 ล้านคน
นางพรมนต์ จันทร์ศรี ผู้อำนวยการสำนักงานฮ่องกง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะกลุ่มคู่รักแต่งงาน ดังนั้น ในปี 2567 ททท.จึงวางแผนส่งเสริมการตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้เดินทางเข้ามาแต่งงานในไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่า กลยุทธ์การดึงคู่แต่งงานชาวฮ่องกงมาจัดที่ไทยจะได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย สามารถดึงดูดชาวฮ่องกงได้ดี โดยเฉพาะหาดทราย ชายทะเล
“แต่ละปีจะมีกลุ่มคู่รักแต่งงานชาวฮ่องกงประมาณ 50,000 คู่ ในจำนวนนี้มีกลุ่มที่นิยมเดินทางไปจัดงานที่ต่างประเทศในสัดส่วนประมาณ 10% โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งนิยมความสะดวกสบาย และยินดีใช้จ่ายเพื่อจัดงานแต่งที่ง่ายและคล่องตัว ซึ่งตรงนี้ไทยมีความได้เปรียบ เพราะสามารถเลือกสถานที่จัดงานได้หลากหลาย และดูฤกษ์การแต่งที่รวดเร็ว ต่างจากการจัดงานแต่งในฮ่องกง ที่ต้องลงทะเบียนรอคิวนานหลายเดือน และจองคิวโรงแรมล่วงหน้านาน ซึ่งอาจต้องวางแผนข้ามปี รวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูง ก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้คู่รักชาวฮ่องกงที่มีฐานะดี นิยมเดินทางไปแต่งงานที่ต่างประเทศแทน
นางพรมนต์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ชาวฮ่องกงที่เดินทางเข้าไทยช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.66) มีจำนวน 454,008 คน โดย ททท. วางเป้าหมายนักท่องเที่ยวฮ่องกงเดินทางเข้าไทยปี 2566 ไว้ที่ 700,000 คน และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตก 10,000 บาทต่อคนต่อวัน หรือ 30,000 บาทต่อคนต่อทริป เพิ่มขึ้นจาก 7,000 บาทต่อคนต่อวัน หรือประมาณ 21,000 บาทต่อคนต่อทริป ในปี 2562 ส่วนปี 2567 ตั้งเป้าหมายเพิ่มค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวฮ่องกงขึ้นอีก 10% และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงให้ถึง 1 ล้านคน
“ความได้เปรียบของประเทศไทย คือ สามารถเดินทางมาได้โดยง่าย ใช้เวลาบินเพียง 3 ชั่วโมง ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 2 ของชาวฮ่องกง รองจากญี่ปุ่น โดยสถานที่ยอดนิยมเป็น กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่เป็นปัญหาต่อการขยายตลาดการท่องเที่ยวในฮ่องกง คือ สายการบินไม่เพียงพอ เพราะหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้บางสายการบินยังไม่กลับมาทำการบินเส้นทางไทย-ฮ่องกง มากเท่าที่ควร”
ด้าน น.ส.นภารัตน์ วุฒิวัฒน์ ผู้อำนวยการกองบริหารความเสี่ยง และอดีตผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานฮ่องกง กล่าวว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง เทียบระหว่างก่อนเกิดโควิด และหลังโควิด ก่อนโควิดมักจองที่พักพร้อมตั๋วเครื่องบิน แต่พอหลังโควิด มักจองตั๋วเครื่องบินโปรโมชันก่อน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า เพราะหลังโควิดตั๋วเครื่องบินราคาแพง และหากได้ตั๋วโปรฯ แล้วก็มักจะค่อยจองที่พักตามมา
ดังนั้น สิ่งที่อยากส่งไม้ต่อ คือ การเน้นทำงานร่วมกับสายการบินให้มาก เพื่อจัดโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ฮ่องกงเป็นตลาดเก่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เดินทางมาเที่ยวไทยซ้ำถึง 80% และนักท่องเที่ยวหน้าใหม่เพียง 20% ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมุ่งหาเจาะตลาดนักท่องเที่ยวใหม่เข้ามาในตลาด โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีการใช้จ่ายสูง แต่ก็ต้องหาที่พักที่หรูหรา หรือกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อดึงดูดการเดินทางด้วย. – สำนักข่าวไทย