AI ตรวจจับ จยย.ขี่บนทางเท้า พบประชาชนทั่วไปฝ่าฝืนมากสุด

กรุงเทพฯ 18 ส.ค.- กทม.ติดตามผล AI ตรวจจับจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้า พบ 3 เดือนที่ผ่านมา วินมอเตอร์ไซค์ฝ่าฝืนลดลง ประชาชนทั่วไปฝ่าฝืนมากที่สุด เร่งสร้างจิตสำนึกลดผู้ฝ่าฝืน


พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร นายสิทธิชัย อรัณยกานนท์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้านโยบายทางเท้าปลอดภัยด้วย AI ตรวจจับจักรยานยนต์วิ่งบนทางเท้า การกวดขันจับปรับผู้ฝ่าฝืน และตรวจเยี่ยม พูดคุยรับฟังประชาชนความคิดเห็นประชาชนบริเวณใกล้เคียง โดยมีนายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ พร้อมเทศกิจเขตห้วยขวาง ร่วมลงพื้นที่ ณ สะพานข้ามบึงพระราม 9 ถนนประเสริฐมนูกิจ เขตห้วยขวาง

พล.ต.อ.อดิศร์ กล่าวว่า กทม.ทยอยติดตั้งเทคโนโลยี AI ควบคู่กล้อง CCTV ตั้งแต่เดือน มิ.ย.66 เพื่อตรวจจับจักรยานยนต์ที่ขับขี่บนทางเท้าในจุดหลักๆ ซึ่งขณะนี้ได้ติดตั้งไปแล้ว 12 กล้อง ในพื้นที่ 10 จุด จากเดิมนำร่อง 5 จุด ผลการจับกุมของกล้อง AI ระหว่าง 1 มิ.ย.-15 ส.ค.66 พบว่า จุดที่ 1 ปากซอยรัชดาภิเษก 36 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ 2 กล้อง ) มิ.ย. ฝ่าฝืน 1,136 ราย, ก.ค. 274 ราย, ส.ค. 81 ราย จุดที่ 2 ปากซอยเพชรเกษม 28 มิ.ย. 1,005 ราย, ก.ค. 649 ราย, ส.ค. 61 ราย จุดที่ 3 หน้าโรงเรียนนิเวศน์วารินทร์ มิ.ย. 847, ราย ก.ค. 861 ราย, ส.ค. 46 ราย จุดที่ 4 ปากซอยเพชรบุรี 9 มิ.ย. 84 ราย, ก.ค. 70 ราย, ส.ค. 20 ราย


จุดที่ 5 ปั๊มน้ำมัน ปตท. เทพารักษ์ มิ.ย. 160 ราย, ก.ค. 128 ราย, ส.ค. 22 ราย จุดที่ 6 ปากซอยลาดพร้าว 25 ก.ค. 147 ราย, ส.ค. 77 ราย จุดที่ 7 ถนนประเสริฐมนูกิจ บึงพระราม 9 (2 กล้อง) ก.ค. 9,033 ราย, ส.ค. 224 ราย จุดที่ 8 พัฒนาการ 44 ก.ค. 2,105 ราย, ส.ค. 725 ราย จุดที่ 9 สุขุมวิท 26 ก.ค. 224 ราย, ส.ค. 90 ราย และจุดที่ 10 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 ส.ค. 765 ราย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตห้วยขวาง ยอดจับกุมตั้งแต่ 1 ก.ย.65-31 ก.ค.66 พบผู้ทำผิด 703 ราย ปรับจำนวนเงิน 1,423,200 บาท ล่าสุด 18 ส.ค.66 เวลา 10.00 น. พบผู้ทำผิดเพิ่มขึ้นเป็น 803 ราย เงินปรับรวม 1,634,200 บาท

โดยหลังจากการติดตั้งกล้อง CCTV และมีระบบ Al ตรวจจับป้ายทะเบียน รวมทั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจเดินกวดขันและตั้งโต๊ะจับปรับ มีผลการจับ-ปรับ ผู้ฝ่าฝืนเดือน มิ.ย.66 จับกุม 1,582 ราย ตักเตือน 59 ราย เดือน ก.ค.66 จับกุม 1,480 ราย ตักเตือน 51 ราย เดือน ส.ค.66 จับกุม 762 ราย ตักเตือน 64 ราย สรุปผลการจับปรับตั้งแต่เดือน มิ.ย.-15 ส.ค.66 จับกุม 3,824 ราย ตักเตือน 174 ราย

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.-12 ส.ค.66 จำนวนตัวเลขของการทำผิดกฎจราจรโดยการฝ่าฝืนขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้ามีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของตัวเลขในมิติที่ต่างกัน อาทิ บริเวณปากซอยเพชรบุรี, สุขุมวิท 26, พัฒนาการ 44, โรงเรียนนิเวศน์วารินทร์, เพชรเกษม 28 และปากซอยเสือใหญ่ พบว่าวินมอเตอร์ไซค์มีจำนวนการฝ่าฝืนลดลง กลุ่มไรเดอร์เพิ่มขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจมี MOU ร่วมกันระหว่าง กทม.กับบริษัทไรเดอร์ นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มมอเตอร์ไซค์ของประชาชนทั่วไปมีจำนวนการฝ่าฝืนสูงกว่าวินมอเตอร์ไซค์และกลุ่มไรเดอร์ค่อนข้างมาก โดยในอนาคตจะเชื่อมโยงข้อมูลผู้กระทำผิดกับกรมขนส่งทางบกต่อไป


“การปราบปรามที่ดีที่สุดคือการป้องกันและสร้างจิตสำนึก เชื่อว่าทุกคนไม่อยากกระทำผิดกฎหมาย กทม.ไม่มีความสุขที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้มากๆ แต่จะมีความสุขที่เห็นผู้กระทำผิดลดลง เนื่องจากทุกคนสามารถหาช่องว่างในการกระทำผิดกฎหมายได้เสมอ แต่ความร่วมมือต่างหากที่จะทำให้แก้ปัญหาได้” พล.ต.อ.อดิศร์ กล่าวในตอนท้าย

นายสิทธิชัย กล่าวว่า กทม.ให้ความสำคัญเรื่องตรวจจับจักรยานยนต์ที่ขับขี่บนทางเท้า เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้เห็นว่าในแต่ละเขตมีบริบทที่ต่างกัน จากการลงพื้นที่แต่ละเขตประมาณ 37 จุด ที่เป็นจุดที่มีผู้ฝ่าฝืนมาก สามารถจับกุมได้กว่า 3,824 ราย โดยจากสถิติพบว่าผู้ที่กระทำความผิดมากที่สุดคือกลุ่มประชาชนทั่วไป กลุ่มไรเดอร์ และกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ตามลำดับ ซึ่งที่น่าสังเกตคือกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์มีผู้กระทำความผิดจำนวนลดลง โดยได้รับความร่วมมือมากขึ้น เช่น การเข็นรถแทนการขับขี่บนทางเท้าบริเวณซอยเสือใหญ่อุทิศ เป็นต้น สำหรับในส่วนของไรเดอร์ที่ยังมีการกระทำความผิด กทม.เรียกตัวแทนทั้ง 11 บริษัท เข้ามาประชุมปรึกษาถึงแนวทางแก้ไขร่วมกันเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งให้ไรเดอร์ทราบว่า กทม.เริ่มระบบตรวจจับด้วยกล้อง AI แล้ว ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000-5,000 บาท

นายเอกวรัญญู กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นการสรุปผลในรอบ 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยเป้าหมายแรกคือ การรณรงค์ไม่ให้ประชาชนกระทำความผิดขับขี่บนทางเท้าและร่วมมือกับ กทม. รวมถึงการเก็บข้อมูล Data ทั้งหมดจากการดำเนินการที่ผ่านมาเพื่อนำไปต่อยอดแก้ไขปัญหาในอนาคต เรื่องที่ 2 คือการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งการดำเนินการในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งจากข้อมูลสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ ประชาชนทั่วไป ไรเดอร์ และวินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์มีผู้กระทำผิดน้อยลง และต่อจากนี้ไปจะมีการเรียกประชุมหารือกับกลุ่มบริษัทไรเดอร์ เพื่อให้เกิดการผลักดันภายในกลุ่มไรเดอร์เอง โดยมี กทม.เป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด มากกว่าการต้องบังคับใช้กฎหมายในการลงโทษ

ด้าน ผอ.สำนักเทศกิจ กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เทศกิจประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยแจ้งให้ทราบถึง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 17(2) ห้ามมิให้ผู้ใดจอดหรือขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์บนทางเท้า ผู้ฝ่าฝืนจะเสียค่าปรับ 2,000-5,000 บาท ซึ่งเป็นค่าปรับที่ค่อนข้างสูง นโยบายการใช้กล้อง AI เพื่อตรวจจับผู้กระทำผิดตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำให้เจ้าหน้าที่เทศกิจทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยคาดหวังว่าในอนาคตไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เทศกิจมายืนประจำจุด แต่ทุกคนมีจิตสำนึกไม่ขับขี่บนทางเท้า เพื่อทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ปลอดภัยและน่าอยู่สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย