AI ตรวจจับ จยย.ขี่บนทางเท้า พบประชาชนทั่วไปฝ่าฝืนมากสุด

กรุงเทพฯ 18 ส.ค.- กทม.ติดตามผล AI ตรวจจับจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้า พบ 3 เดือนที่ผ่านมา วินมอเตอร์ไซค์ฝ่าฝืนลดลง ประชาชนทั่วไปฝ่าฝืนมากที่สุด เร่งสร้างจิตสำนึกลดผู้ฝ่าฝืน


พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร นายสิทธิชัย อรัณยกานนท์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้านโยบายทางเท้าปลอดภัยด้วย AI ตรวจจับจักรยานยนต์วิ่งบนทางเท้า การกวดขันจับปรับผู้ฝ่าฝืน และตรวจเยี่ยม พูดคุยรับฟังประชาชนความคิดเห็นประชาชนบริเวณใกล้เคียง โดยมีนายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ พร้อมเทศกิจเขตห้วยขวาง ร่วมลงพื้นที่ ณ สะพานข้ามบึงพระราม 9 ถนนประเสริฐมนูกิจ เขตห้วยขวาง

พล.ต.อ.อดิศร์ กล่าวว่า กทม.ทยอยติดตั้งเทคโนโลยี AI ควบคู่กล้อง CCTV ตั้งแต่เดือน มิ.ย.66 เพื่อตรวจจับจักรยานยนต์ที่ขับขี่บนทางเท้าในจุดหลักๆ ซึ่งขณะนี้ได้ติดตั้งไปแล้ว 12 กล้อง ในพื้นที่ 10 จุด จากเดิมนำร่อง 5 จุด ผลการจับกุมของกล้อง AI ระหว่าง 1 มิ.ย.-15 ส.ค.66 พบว่า จุดที่ 1 ปากซอยรัชดาภิเษก 36 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ 2 กล้อง ) มิ.ย. ฝ่าฝืน 1,136 ราย, ก.ค. 274 ราย, ส.ค. 81 ราย จุดที่ 2 ปากซอยเพชรเกษม 28 มิ.ย. 1,005 ราย, ก.ค. 649 ราย, ส.ค. 61 ราย จุดที่ 3 หน้าโรงเรียนนิเวศน์วารินทร์ มิ.ย. 847, ราย ก.ค. 861 ราย, ส.ค. 46 ราย จุดที่ 4 ปากซอยเพชรบุรี 9 มิ.ย. 84 ราย, ก.ค. 70 ราย, ส.ค. 20 ราย


จุดที่ 5 ปั๊มน้ำมัน ปตท. เทพารักษ์ มิ.ย. 160 ราย, ก.ค. 128 ราย, ส.ค. 22 ราย จุดที่ 6 ปากซอยลาดพร้าว 25 ก.ค. 147 ราย, ส.ค. 77 ราย จุดที่ 7 ถนนประเสริฐมนูกิจ บึงพระราม 9 (2 กล้อง) ก.ค. 9,033 ราย, ส.ค. 224 ราย จุดที่ 8 พัฒนาการ 44 ก.ค. 2,105 ราย, ส.ค. 725 ราย จุดที่ 9 สุขุมวิท 26 ก.ค. 224 ราย, ส.ค. 90 ราย และจุดที่ 10 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 ส.ค. 765 ราย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตห้วยขวาง ยอดจับกุมตั้งแต่ 1 ก.ย.65-31 ก.ค.66 พบผู้ทำผิด 703 ราย ปรับจำนวนเงิน 1,423,200 บาท ล่าสุด 18 ส.ค.66 เวลา 10.00 น. พบผู้ทำผิดเพิ่มขึ้นเป็น 803 ราย เงินปรับรวม 1,634,200 บาท

โดยหลังจากการติดตั้งกล้อง CCTV และมีระบบ Al ตรวจจับป้ายทะเบียน รวมทั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจเดินกวดขันและตั้งโต๊ะจับปรับ มีผลการจับ-ปรับ ผู้ฝ่าฝืนเดือน มิ.ย.66 จับกุม 1,582 ราย ตักเตือน 59 ราย เดือน ก.ค.66 จับกุม 1,480 ราย ตักเตือน 51 ราย เดือน ส.ค.66 จับกุม 762 ราย ตักเตือน 64 ราย สรุปผลการจับปรับตั้งแต่เดือน มิ.ย.-15 ส.ค.66 จับกุม 3,824 ราย ตักเตือน 174 ราย

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.-12 ส.ค.66 จำนวนตัวเลขของการทำผิดกฎจราจรโดยการฝ่าฝืนขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้ามีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของตัวเลขในมิติที่ต่างกัน อาทิ บริเวณปากซอยเพชรบุรี, สุขุมวิท 26, พัฒนาการ 44, โรงเรียนนิเวศน์วารินทร์, เพชรเกษม 28 และปากซอยเสือใหญ่ พบว่าวินมอเตอร์ไซค์มีจำนวนการฝ่าฝืนลดลง กลุ่มไรเดอร์เพิ่มขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจมี MOU ร่วมกันระหว่าง กทม.กับบริษัทไรเดอร์ นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มมอเตอร์ไซค์ของประชาชนทั่วไปมีจำนวนการฝ่าฝืนสูงกว่าวินมอเตอร์ไซค์และกลุ่มไรเดอร์ค่อนข้างมาก โดยในอนาคตจะเชื่อมโยงข้อมูลผู้กระทำผิดกับกรมขนส่งทางบกต่อไป


“การปราบปรามที่ดีที่สุดคือการป้องกันและสร้างจิตสำนึก เชื่อว่าทุกคนไม่อยากกระทำผิดกฎหมาย กทม.ไม่มีความสุขที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้มากๆ แต่จะมีความสุขที่เห็นผู้กระทำผิดลดลง เนื่องจากทุกคนสามารถหาช่องว่างในการกระทำผิดกฎหมายได้เสมอ แต่ความร่วมมือต่างหากที่จะทำให้แก้ปัญหาได้” พล.ต.อ.อดิศร์ กล่าวในตอนท้าย

นายสิทธิชัย กล่าวว่า กทม.ให้ความสำคัญเรื่องตรวจจับจักรยานยนต์ที่ขับขี่บนทางเท้า เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้เห็นว่าในแต่ละเขตมีบริบทที่ต่างกัน จากการลงพื้นที่แต่ละเขตประมาณ 37 จุด ที่เป็นจุดที่มีผู้ฝ่าฝืนมาก สามารถจับกุมได้กว่า 3,824 ราย โดยจากสถิติพบว่าผู้ที่กระทำความผิดมากที่สุดคือกลุ่มประชาชนทั่วไป กลุ่มไรเดอร์ และกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ตามลำดับ ซึ่งที่น่าสังเกตคือกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์มีผู้กระทำความผิดจำนวนลดลง โดยได้รับความร่วมมือมากขึ้น เช่น การเข็นรถแทนการขับขี่บนทางเท้าบริเวณซอยเสือใหญ่อุทิศ เป็นต้น สำหรับในส่วนของไรเดอร์ที่ยังมีการกระทำความผิด กทม.เรียกตัวแทนทั้ง 11 บริษัท เข้ามาประชุมปรึกษาถึงแนวทางแก้ไขร่วมกันเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งให้ไรเดอร์ทราบว่า กทม.เริ่มระบบตรวจจับด้วยกล้อง AI แล้ว ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000-5,000 บาท

นายเอกวรัญญู กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นการสรุปผลในรอบ 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยเป้าหมายแรกคือ การรณรงค์ไม่ให้ประชาชนกระทำความผิดขับขี่บนทางเท้าและร่วมมือกับ กทม. รวมถึงการเก็บข้อมูล Data ทั้งหมดจากการดำเนินการที่ผ่านมาเพื่อนำไปต่อยอดแก้ไขปัญหาในอนาคต เรื่องที่ 2 คือการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งการดำเนินการในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งจากข้อมูลสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ ประชาชนทั่วไป ไรเดอร์ และวินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์มีผู้กระทำผิดน้อยลง และต่อจากนี้ไปจะมีการเรียกประชุมหารือกับกลุ่มบริษัทไรเดอร์ เพื่อให้เกิดการผลักดันภายในกลุ่มไรเดอร์เอง โดยมี กทม.เป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด มากกว่าการต้องบังคับใช้กฎหมายในการลงโทษ

ด้าน ผอ.สำนักเทศกิจ กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เทศกิจประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยแจ้งให้ทราบถึง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 17(2) ห้ามมิให้ผู้ใดจอดหรือขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์บนทางเท้า ผู้ฝ่าฝืนจะเสียค่าปรับ 2,000-5,000 บาท ซึ่งเป็นค่าปรับที่ค่อนข้างสูง นโยบายการใช้กล้อง AI เพื่อตรวจจับผู้กระทำผิดตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำให้เจ้าหน้าที่เทศกิจทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยคาดหวังว่าในอนาคตไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เทศกิจมายืนประจำจุด แต่ทุกคนมีจิตสำนึกไม่ขับขี่บนทางเท้า เพื่อทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ปลอดภัยและน่าอยู่สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]