ย้ำกลุ่มเสี่ยง 607 รับวัคซีนโควิดลดความเสี่ยงเสียชีวิต

กทม. 18 ส.ค.- ปลัด สธ. ย้ำกลุ่มเสี่ยง 607 รับวัคซีนโควิดลดความเสี่ยงเสียชีวิต พร้อมกำชับทุกจังหวัดกำจัดลูกน้ำยุงลายสกัดไข้เลือดออก


ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยแนวโน้มสถานการณ์โรคโควิด 19 ค่อนข้างทรงตัว แต่ผู้เสียชีวิตยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 607 ที่ไม่ได้รับวัคซีน ไม่ได้รับเข็มกระตุ้น หรือรับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน ย้ำฉีดวัคซีนโควิดคู่ไข้หวัดใหญ่ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิต ส่วนไข้เลือดออกพบป่วยเพิ่มสัปดาห์ละ 5-6 พันราย เสียชีวิตสะสม 58 ราย เป็นเด็กโตและผู้ใหญ่ กำชับทุกจังหวัดเร่งรัดกำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยเฉพาะโรงพยาบาล โรงเรียน ศาสนสถาน

วันนี้ (18 สิงหาคม 2566) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญ ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 6-12 สิงหาคม 2566) มีผู้ป่วยรายใหม่ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 318 ราย เฉลี่ย 45 รายต่อวัน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 136 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 83 ราย และเสียชีวิต 7 ราย เฉลี่ย 1 รายต่อวัน แนวโน้มสถานการณ์ค่อนข้างทรงตัว แต่ที่สำคัญคือ ผู้เสียชีวิตยังคงเป็นกลุ่ม 607 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค โดยมีปัจจัยเสี่ยงคือ ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น หรือฉีดเข็มกระตุ้นมานานเกิน 3 เดือน ทั้งนี้ ได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดรณรงค์กระตุ้นให้กลุ่มเสี่ยงดังกล่าวเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงอาการรุนแรงและการเสียชีวิต รวมทั้งสื่อสารแนวทางป้องกันโรคส่วนบุคคล โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ


นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกของประเทศไทย ขณะนี้มีผู้ป่วยสะสม 65,552 ราย โดยช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 5,000-6,000 รายต่อสัปดาห์ ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข กรณีโรคไข้เลือดออกแล้ว 31 จังหวัด และเปิดในระดับเขตรวม 7 เขต ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมมี 58 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กโตและผู้ใหญ่ถึง 40 ราย ปัจจัยที่ทำให้เสียชีวิต คือ ช่วงแรกที่ป่วยมักไม่ได้คิดถึงโรคไข้เลือดออก และได้รับยากลุ่มเอ็นเสดเพื่อลดไข้ ทำให้เลือดออกง่ายและมีความเสี่ยงเกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิต ดังนั้น หากมีไข้ รับประทานยาลดไข้ 2 วันแล้วไม่ดีขึ้น ให้สงสัยว่าอาจจะเป็นโรคไข้เลือดออกและรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคให้ชัดเจน และเนื่องจากโรคไข้เลือดออกยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ สิ่งสำคัญที่จะช่วยได้คือ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคทุกสัปดาห์ ซึ่งจากการสำรวจดัชนีลูกน้ำยุงลายในสถานที่ต่างๆ ยังพบมากทั้งในโรงเรียน โรงพยาบาล ครัวเรือน ศาสนสถาน โรงงาน โรงแรม และสถานที่ราชการ รวมทั้งกำจัดยุงในบ้านเรือนและป้องกันยุงกัดเมื่อพบผู้ป่วยสงสัยไข้เลือดออก

“ได้มอบหมายให้กองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประสานไปถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อสั่งการหน่วยงานในสังกัดให้ร่วมกันกำจัดลูกน้ำยุงลายในหน่วยงานให้หมดไป และเร่งรัดการควบคุมโรคในพื้นที่ระบาด” นพ.โอภาสกล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”