fbpx

กทม.วางมาตรการเข้มด้านความปลอดภัยโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในพื้นที่

กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – ผู้ว่าฯ กทม. ประชุมวางมาตรการเข้มด้านความปลอดภัยการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ถนนสาธารณะของ กทม.


(14 ก.ค.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมมาตรการความปลอดภัยการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ถนนสาธารณะของกรุงเทมหานคร โดยมีนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักการโยธา ผู้แทนและผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างของสำนักการโยธา ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 110AB ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้ได้เชิญผู้รับเหมาที่ทำโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสำนักการโยธา ซึ่งมีทั้งโครงการก่อสร้างถนน สะพานข้ามแยก ทางลอด ทางยกระดับ โรงพยาบาล อาคารสำนักงานเขต สถานีดับเพลิง มีทั้งหมด 42 ราย แต่ว่ามา 38 ราย ที่สำคัญเราเองมองว่า ผู้รับเหมาเปรียบเหมือนเป็นเพื่อนร่วมงานสำคัญในการสร้างความเจริญให้กับกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาผู้รับเหมาเองก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่ามีเหตุการณ์ทางยกระดับเกิดขึ้นที่ลาดกระบัง ก็เลยไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ซึ่งไม่ได้มองว่าเป็นบริษัทไหน แต่มองว่าเป็นงานของกรุงเทพมหานคร เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมมือร่วมใจกัน ในการสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน เราก็เหมือนร่วมทีมเดียวกัน ต้องช่วยเหลือกัน ในขั้นแรกเลยให้ทุกทีมกลับไปทบทวนมาตรการความปลอดภัยโครงการทั้งหมดของตัวเอง ทั้งในส่วนของสำนักการโยธา ผู้ควบคุมงาน ผู้รับเหมา ให้ทบทวนมาตรการทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีช่องว่าง ไม่มีจุดโหว่ต่างๆ


ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวอีกว่า ที่เราเน้นมากที่สุดในเรื่องแรก คือ เรื่องความปลอดภัย ทั้งในแง่ของความปลอดภัยในการก่อสร้าง ความปลอดภัยของผู้สัญจรไปมา เช่น ฝาท่อระบายน้ำที่เปิด คูน้ำที่ไม่มีตัวกั้น ไฟฟ้าส่องสว่างตอนกลางคืน ต้องไปทบทวนทั้งระบบ เรื่องที่ 2 คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม การควบคุมฝุ่น PM 2.5 เรื่องของตกหล่นที่ตกจากรถ โดยใช้ Traffy Fondue เป็นตัวช่วยในการหาข้อบกพร่อง ในส่วนของประชาชนก็จะช่วยเป็นหูเป็นตาให้เรา ที่แจ้งเข้ามาเป็นเรื่องความสะอาดเรียบร้อย เรื่องฝุ่น PM 2.5 เรื่องสิ่งของตกหล่น เรื่องที่ 3 การจัดการจราจร ซึ่งก็เป็นปัญหาสำคัญ ที่ผ่านมาผู้รับเหมาไปเน้นในเรื่องพื้นที่การก่อสร้าง แต่ไม่คืนพื้นที่ให้ กลับไปเอาสิ่งของมากองไว้ เอารถมาจอดในพื้นที่สาธารณะ แบบนี้คงไม่ได้ ต้องไปหาที่อื่น แล้วคืนพื้นที่ทางเท้าให้แก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด

เรื่องที่ 4 เรื่องการระบายน้ำ มีสิ่งของที่กองไว้เข้าไปอุดตันอยู่ในท่อระบายน้ำ หรือาการตัดท่อที่ก่อสร้าง มีการอุดท่อไว้แล้วไม่ได้ต่อกลับคืน เวลาฝนตกจึงก่อให้เกิดปัญหาในการระบายน้ำ ก็ต้องไปทบทวนแก้ไขให้เรียบร้อย เรื่องที่ 5 การใช้รถบรรทุกพ่วงที่มีการแบกน้ำหนักเกิน หรือไม่ก็ปล่อยควันพิษ ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้มีการติดตั้งระบบตรวจสอบน้ำหนักอัตโนมัติ จะทำให้ทราบว่า รถบรรทุกที่ผ่านมามีน้ำหนักเท่าไหร่ รถบรรทุกที่น้ำหนักเกินจะส่งผลกระทบไปยังโครงสร้างของถนน ก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นการนำร่อง ในอนาคตกระจายไปทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร เรื่องที่ 6 เรื่องการจ้างผู้รับเหมาช่วง ซึ่งตามหลักแล้วเราจะไม่อนุญาตให้จ้างผู้รับเหมาช่วง จริงๆ แล้วถ้าจะจ้างต้องขออนุญาตให้เป็นไปตามสัญญา ถ้าไปได้ผู้รับเหมาช่วงที่ไม่ดี คุณภาพก็ไม่ดีด้วย สุดท้ายถ้าเกิดเหตุ ผู้รับเหมาหลักก็ต้องรับผิดชอบ

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องที่เราจะจัดทีมเพื่อตรวจสอบงานโครงการต่างๆ ทุกไซต์งาน ซึ่งจะเป็นผู้บริหารทั้งหมดให้ลงพื้นที่ตลอด ไม่ต้องบอกล่วงหน้าให้ไปตรวจ ให้มีทีมงานไปเช็กไปตรวจสอบว่ามีมาตรการต่างๆ ได้ทำไปตามสัญญาที่ตกลงไว้หรือเปล่า ถ้ามีการละเลยก็ต้องหยุดการก่อสร้าง ต้องเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ถ้ามีเวลาก็ขอให้ลงพื้นที่ตลอด ขอความร่วมมือให้เป็นผู้รับผิดชอบสูงสุด เพื่อให้ดูแลอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ากรมบัญชีกลางไม่มีการเตือนในเรื่องนี้ ต่อไปเราจะพยายามหาวิธีการข้อบัญญัติ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ประชาชนได้รับความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด


“ในอนาคต 3 เรื่องที่เราจะออกมาใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้รับเหมาด้วย คือ เรื่องแรก อุบัติเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายกับชีวิตประชาชน ผู้รับเหมารายไหนทำให้เกิดเหตุรุนแรงและเกิดความเสียหาย จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่เราไม่อยากจ้าง เรื่องต่อมา การทำงานล่าช้า ก็เป็นเกณฑ์ที่เราไม่อยากจ้าง เพราะทำให้ประชาชนเดินทางยากขึ้น เรื่องสุดท้าย การก่อสร้างที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 รถบรรทุกปล่อยควันดำ รถบรรทุกน้ำหนักเกิน หรือทำสิ่งของตกหล่น ซึ่งเราจะบันทึกข้อมูลไว้ ในอนาคตจะมีมาตรการที่อยู่ในกรอบ แต่เราคงทำเกินกรอบกฎหมายไม่ได้ ซึ่งเราเป็นตัวแทนประชาชน จะต้องทำให้ประชาชนได้ผู้รับเหมาที่มีคุณภาพ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน สุดท้ายแล้วทุกคนที่มาในวันนี้ ถือว่าเราเป็นทีมเดียวกัน ก็ต้องร่วมมือกันทำงานให้กับประชาชน” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในตอนท้าย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้