กรมการแพทย์แผนไทยฯ ขับเคลื่อนนโยบายท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นำสมุนไพรกระตุ้น ศก.

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เดินหน้าโครงการส่งเสริมรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่หลากหลายและโดดเด่น มุ่งหวังกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวด้วยสมุนไพร คาดหวังให้มีศูนย์เวลเนส (Wellness Center) เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการและสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ


นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวไทยถือเป็นหนึ่งในกลไกหลักที่ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ปัจจุบันผู้ประกอบการที่เป็นวิสาหกิจชุมชนมีบทบาทมากขึ้น เพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาและได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ

ประเทศไทยมีศักยภาพในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนา เนื่องจากไทยเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ซึ่งสอดรับกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Tourism ที่ในปี พ.ศ. 2566 มีทิศทางการให้บริการทางการแพทย์ และธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพที่เติบโตมากขึ้น ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมการท่องเที่ยว และพันธมิตรภาคเอกชน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้ดำเนินตามจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของโปรแกรมกิจกรรมการท่องเที่ยวและความต้องการของนักท่องเที่ยว


“การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นการเดินทางท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว ตลอดจนเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมกับการได้รับการดูแลสุขภาพตามหลักวิชาการและมีคุณภาพมาตรฐานอย่างแท้จริง โดยนำเรื่องของอาหาร สปา มาใช้ดูแลรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรนำร่อง ดังนั้น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจึงเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่มุ่งประโยชน์ต่อการรักษา ฟื้นฟูสุขภาพนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ

จุดประสงค์หลักของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม ทัศนคติ และค่านิยม หันหลับมาให้ความสำคัญรักษาฟื้นฟูสุขภาพให้สมบูรณ์ ตลอดจนเห็นประโยชน์จากสมุนไพร และเป็นการเผยแพร่ เชิดชูคุณค่าของการแพทย์แผนไทย และการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรไทยต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นับเป็นจุดเริ่มต้นในการสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศ และเป็นโอกาสอันดีที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศและระดับโลกต่อไป”

สำหรับท่านใดที่ยังไม่มีโอกาสมาร่วมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ ครั้งที่ 20 ยังเหลือการจัดงานวันสุดท้ายในวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 11-12 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พบกับกิจกรรมต่างๆ ในงาน อาทิ การประชุมวิชาการประจำปี ในหัวข้อต่างๆ, การประกวดผลงานวิชาการประจำปีฯ, โซนจัดแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่มีมาตรฐานกว่า 300 บูธ แจกกล้าไม้สมุนไพร กล้าไม้ยืนต้น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และลุ้นรางวัลฟรีมากมาย สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook Fanpage มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ หรือ Website : https://natherbexpo.dtam.moph.go.th และโทรศัพท์ 0 2149 5649 .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว

ช้างพลายขุนเดช

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” ไปสถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” สู่สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง จบดราม่า หลังฝากเลี้ยงที่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่