กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.- “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” แถลงผลงานครบ 1 ปี “ทำงาน ทำงาน ทำงาน พลิกชีวิตคนกรุงฯ” ชี้แจงผลงานความร่วมมือจากภาคีแบบไร้รอยต่อ “9 ด้าน 9 ดี 216 นโยบาย” เริ่มแล้ว 211 นโยบาย เชื่อปัญหาน้ำท่วมดีขึ้น ส่วนปัญหาจราจร นำเทคโนโลยีมาช่วย น่าจะเริ่มเห็นผลปีหน้า
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการแถลงข่าว “365 วัน ทำงาน ทำงาน ทำงาน กรุงเทพฯ” ชี้แจงผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี ภายใต้นโยบาย 9 ด้าน 9 ดี 216 นโยบาย รวมถึงทิศทางการการพัฒนากรุงเทพมหานครในระยะต่อไป โดยกล่าวว่า “365 วันที่ผ่านมา เป็น 365 วันที่สนุกและยังคงมีพลังเหลือเฟือในการทำงานต่อ ทั้งหมดที่เห็นไม่ใช่ผลงานของชัชชาติคนเดียว แต่เป็นผลงานของทีมทุกคนที่ร่วมมือกัน”
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวถึงเรื่องที่ยากที่สุดในการทำงานว่า คือเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เรื่องความโปร่งใสเป็นหัวใจหลัก หากไม่มี ประชาชนก็จะไม่ไว้ใจ แต่แนวโน้มของเรื่องนี้ดีขึ้น ที่ผ่านมาพบว่าข้าราชการและลูกจ้าง กทม.ส่วนใหญ่เป็นคนดี แต่ประชาชนอาจไม่ยอมรับเรื่องความโปร่งใส ในส่วนของเรื่องร้องเรียนผ่านระบบ Traffy Fondue ที่มีมากถึง 300,000 เรื่อง ไม่ได้แสดงว่าเราอ่อนแอ แต่แสดงว่าประชาชนเริ่มไว้ใจเรา เชื่อว่าเราเอาจริงเอาจัง ซึ่งเห็นว่าเรื่องของ “ความไว้ใจ” มีค่ามากกว่างบประมาณ อย่างเช่น โครงการที่มีคนกังวลมาก เรื่องของการนำเงิน 200,000 บาทเข้าสู่ชุมชน กทม.ก็ทำให้โปร่งใสตั้งแต่เริ่มต้น โดยเอาประชาชนมาเป็นแนวร่วม อบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่และชาวชุมชน เพื่อให้ความรู้และป้องกัน ซึ่งดีกว่าการไปจับผิดทีหลัง และทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นน้ำท่วมในกรุงเทพฯ นั้น เชื่อว่าจะดีขึ้นแน่นอน โดยใน กทม.มีจุดเสี่ยงกว่า 700 แห่ง เมื่อระบุในแผนที่ดิจิทัลและเร่งแก้ในแต่ละจุดจะเห็นว่าแก้ไปได้มากกว่าครึ่ง ในขณะเดียวกัน ก็ทำเส้นเลือดใหญ่ คือ อุโมงค์เพิ่ม และเหตุฝนตกหลายครั้งที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนว่าน้ำระบายได้ดีขึ้น แต่ผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักในบางจุดเป็นสิ่งที่ยังกังวล เพราะต้องใช้เวลาในการระบายน้ำมากขึ้น แต่เชื่อว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น
ที่ผ่านมา 1 ปี เราก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว หัวใจสำคัญไม่ใช่การประชาสัมพันธ์ผลงาน แต่อยากให้ประชาชนรู้สึกเองว่าชีวิตดีขึ้นจากงานที่ กทม.ทำ เรื่อง Mega Project เรื่องหนึ่งที่ กทม.ทำ คือ เอาเทคโนโลยีมาควบคุมเรื่องการจราจร น่าจะเริ่มเห็นผลในปีหน้า ซึ่งเห็นว่าปัญหาจราจรที่สำคัญคือการควบคุมไฟจราจร และพบว่ายังไม่มีการทำงานแบบ Area Base หากสามารถเชื่อมโยงข้อมูล และนำเทคโนโลยีมาช่วยในการตัดสินใจ เปิดไฟจราจรให้สอดคล้องกับสภาพจริงจะทำให้ปัญหาดีขึ้น ซึ่งต้องประสานกับตำรวจเพื่อทำให้เกิดขึ้นจริง โดยกำหนดพื้นที่เป็น Zoning เริ่มจากถนนพหลโยธิน
สำหรับประเด็นเรื่องของรถไฟฟ้าสายสีเขียว หาก กทม.ต้องใช้หนี้ จะส่งผลต่องบประมาณ กทม.หรือไม่ นั้น ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า หากมองในอนาคต หลังปี 72 จะมีรายได้ คงต้องดูอีกที หากต้องจ่ายหนี้อาจต้องทยอยจ่าย แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือรัฐบาลช่วยจ่ายให้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถบริหารได้ แต่ต้องรอบคอบมากขึ้น
โดยในการแถลงกล่าวถึง 5 เรื่องหลัก ที่ทำต่อเนื่อง คือ 1.การให้ความสำคัญกับเส้นเลือดฝอย โดยไม่ได้ละเลยเส้นเลือดใหญ่ที่เข้มแข็ง 2.การเปลี่ยน Mind set ข้าราชการ เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง หันหน้าหาประชาชน 3.ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวเปลี่ยน เช่น Open Data การให้ใบอนุญาตออนไลน์ การให้บริการ Telemedicine ซึ่งเห็นผลชัดเจน อนาคตต่อไปจะไม่หวนกลับไปในรูปแบบเดิมแล้ว 4.เรื่องของความโปร่งใส การเปลี่ยน Mind set ผู้บริหารในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่เป็นธรรม ไม่เก็บส่วย 5.สร้างภาคีเครือข่าย เพราะปีแรกเราไม่มีงบประมาณอะไรเลย มีเพียงความร่วมมือจากชุมชน หอการค้า หน่วยงานภาครัฐ เอกชน
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า สู่การเป็น 9 ด้าน 9 ดี ใหม่ ได้แก่ เดินทางดี ปลอดภัยดี โปร่งใสดี (ใหม่) สิ่งแวดล้อมดี สุขภาพดี เรียนดี เศรษฐกิจดี สังคมดี (ใหม่) และบริหารจัดการดี รวม 226 นโยบาย โดยเริ่มดำเนินการไปแล้ว 211 นโยบาย ส่วน 11 นโยบายที่ยังไม่ได้ดำเนินการ เป็นนโยบายที่ต้องมีการประสานงานร่วมกันกับหน่วยงานอื่น
สำหรับทุกนโยบายจะมีการนำขึ้นเว็บไซต์ http://openpolicy.bangkok.go.th เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ามาดูได้ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร.-สำนักข่าวไทย