“ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ย้ำ ผอ.เขตต้องรับผิดชอบ หากผู้ใต้บังคับบัญชาทุจริต

กรุงเทพฯ 1 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ กทม. ย้ำชัดเจน หากผู้ใต้บังคับบัญชาในเขตทุจริต ผู้อำนวยการเขตจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ส่วนสถานการณ์ฝนปีนี้ การระบายน้ำจะดีขึ้น


(1 มิ.ย.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 6/2566 ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ว่า วันนี้เป็นการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน หลังจากเข้ามาบริหารราชการครบ 1 ปี เนื่องจากเรามีนโยบายที่ชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มต้น ทุกคนจึงสามารถผลักดันนโยบายได้ ทำให้การดำเนินงานต่างๆ มีความคืบหน้าไปหลากหลายด้าน โดยจะมีการแถลงข่าวในวันที่ 13 มิ.ย.66

สำหรับระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาที่มีมาต่อเนื่อง โดยได้นำเรื่องต่างๆ ที่ค้างคาอยู่มาผลักดัน ซึ่งทำไปได้เยอะ ส่วนในปีต่อไปก็จะเป็นมาตรการเชิงรุกมากขึ้น ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการเขตลงพื้นที่ เพื่อเข้าถึงปัญหาและเร่งแก้ไข โดยไม่ต้องรอให้ประชาชนแจ้งเหตุเข้ามา


ในส่วนของเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อ คือ เรื่องความโปร่งใส ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่หยุดไม่ได้ ทุกคนยังคงเป็นข้อกังวลอยู่ กรุงเทพมหานครมีบุคลากรจำนวนมาก มีคนดีและคนไม่ดีอยู่ด้วยกัน แต่เชื่อว่ามีคนดีอยู่เยอะกว่า ขณะเดียวกัน มีคนไม่ดีด้วย ก็ได้มีคณะทำงานมาแก้ปัญหาตรงนี้อย่างจริงจัง เพื่อทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า คนที่ทุจริตคอร์รัปชันไม่เอาไว้ แต่เชื่อว่ายังมีข้อบกพร่องและต้องปรับปรุงต่อ โดยเฉพาะในเรื่องการรีดไถต่างๆ ยังมีข้อมูลรายงานมาว่า มีเหตุเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินเกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร จึงต้องเร่งดำเนินการ ได้สั่งการให้รองปลัดฯ เฉลิมพล ไปดูว่าเป็นอย่างไร หาหลักฐานได้ไหม ซึ่งได้มีการเตือนให้ทุกเขตระมัดระวังเรื่องนี้ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ดำเนินการตามกฎหมายยาก ที่ผ่านมาได้มีการร่วมมือกับ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ล่อซื้อไปหลายเคส เพราะเราทำเองไม่ได้ มีการแจ้งทุจริต 100 กว่าเรื่อง ผ่าน Traffy Fondue 77 เรื่อง ถ้ามีเบาะแสก็มีการดำเนินการตลอด แต่ต้องมีข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อ วันนี้ได้เน้นย้ำให้ผู้อำนวยการเขตติดตาม เพราะอยู่ในความรับผิดชอบที่ต้องดูแล จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างไรก็ตาม จากความเอาจริงเอาจังของผู้บริหาร เชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น

ปัจจุบันใบอนุญาตออนไลน์ยังทำได้ไม่ครอบคลุม โครงการใหญ่ๆ ยังต้องยื่นเรื่องตามปกติ อยู่ระหว่างขยายการดำเนินการ และคิดว่าคนก็ยังไม่คุ้นชิน แต่อนาคตจะคุ้นชินกันมากขึ้น รวมถึงมีการให้คณะกรรมการมาช่วยดู ไม่ใช่ตัดสินใจแค่คนเดียว ซึ่งก็จะทำให้เด็ดขาดมากขึ้น

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า กรณีแรก อาจเป็นข้อบัญญัติบางอย่างหรือกฎกระทรวงการก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารไม่ค่อยสอดคล้องกับบริบทของปัจจุบัน ขณะนี้กำลังทบทวนและฟังเสวนาเรื่องพวกนี้ เพื่อทำให้กฎหมายสอดคล้องกับบริบทในกรุงเทพมหานคร ส่วนที่สอง เป็นการปรับให้มีการยื่นขออนุญาตออนไลน์ได้เพื่อความสะดวก เบื้องต้นตอนนี้อยู่ที่ไม่เกิน 300 ตารางเมตรก่อน อนาคตก็จะขยายไปอาคารประเภทอื่นด้วย แต่ต้องแยกออกจากกันระหว่างกระบวนการยื่นกับกระบวนการพิจารณา


ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า ต้องยอมรับความจริงว่าเรื่องทุจริตคอร์รัปชันยังมีอยู่ คนไม่กี่คนทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเสีย แต่ถ้าไม่ยอมรับความจริงก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องยอมรับและปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ให้ดีขึ้น แนวทางดำเนินการเป็นไปด้วยดี มีการร่วมมือกับ ป.ป.ช. มาตลอด คิดว่าน่าจะเห็นผลต่อไป ต้องทำหลายอย่างให้ดีขึ้น เช่น ปรับปรุงกฎหมาย ลดการใช้วิจารณญาณของคนเดียว เป็นต้น

นอกจากนี้ยังได้มีการเน้นย้ำเรื่องต่างๆ ที่ประชาชนพบเจอ เช่น หาบเร่-แผงลอย ทางเท้า การขับขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้า และน้ำท่วม เพื่อเร่งดำเนินการต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่คนกังวลตอนนี้ เพราะฝนเริ่มมาแล้ว จะเห็นได้ว่าช่วง 2 วันที่ผ่านมาที่เราได้ลงพื้นที่ไปดู ก็ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ น้ำลงได้เร็ว น้ำท่วมค้างไม่นาน

รองผู้ว่าฯ วิศณุ กล่าวถึงเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่า จากการถอดบทเรียนในปีที่ผ่านมา เราได้ข้อมูลจุดน้ำท่วมทั้งหมด 737 จุด เป็นจุดที่น้ำท่วมจากน้ำฝน 617 จุด โดยมีการแก้ไขถาวร 90 จุด แก้ไขเร่งด่วน 527 จุด (ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 224 จุด ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ 165 จุด เรียงกระสอบทราย 97 จุด ขุดลอกคลอง 17 จุด เสริมผิวจราจร 24 จุด) และเป็นจุดที่น้ำท่วมจากน้ำหนุน 120 จุด โดยมีการแก้ไขถาวร 29 จุด แก้ไขเร่งด่วน 91 จุด (เรียงกระสอบทราย 69 จุด ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 1 จุด สร้างรางระบายน้ำ 1 จุด JET MIX 18 จุด ปรับปรุงบ่อสูบน้ำ 1 จุด ปรับปรุงบ่อสูบน้ำ+JET MIX 1 จุด)

ในส่วนของการขุดลอกท่อระบายน้ำ กรุงเทพมหานครมีท่อระบายน้ำยาว 6,441 กม. แผนขุดลอกในปี 2565 ระยะทาง 3,356.9 กม. และลอกต่อเนื่องอีก 674.4 กม. แล้วเสร็จ 100% ส่วนแผนขุดลอกในปี 2566 ระยะทาง 3,758.4 กม. แล้วเสร็จ 2,597.6 กม. (69.11%) อยู่ระหว่างดำเนินการ 1,160.8 กม. (30.89%) จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.66

สำหรับการขุดลอกและเปิดทางน้ำไหลคลอง 1,980 คลอง ระยะทาง 2,744,923 เมตร แบ่งออกเป็นเปิดทางน้ำไหล (เก็บผักตบชวา ขยะ ฯลฯ) โดยการดูแลรักษาประจำ 1,227,262 ม. เปิดทางน้ำไหลปีละ 1 ครั้ง 1,326,058 ม. และเปิดทางน้ำไหลปีละ 4 ครั้ง 191,603 ม. ซึ่งการเปิดทางน้ำไหลปีละ 1 ครั้ง และ 4 ครั้ง ขณะนี้แล้วเสร็จ 85% จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.66 ด้านการขุดลอก มีแผนขุดลอก 182 คลอง 202,704 ม. แล้วเสร็จ 75% จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.66 เพื่อรับน้ำฝนที่จะมา

ด้านการบำรุงรักษาสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำ ประจำปี 2566 ได้มีการบำรุงรักษาประจำปี เช่น ตรวจเช็กระบบไฟฟ้า เครื่องจักร เครื่องสูบน้ำ ระบบน้ำมันหล่อลื่น ทำความสะอาด ทาสี ฯลฯ ปัจจุบันดำเนินการได้ 409 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 21 แห่ง ซึ่งต้องแล้วเสร็จภายในเดือนนี้

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวเสริมว่า เรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องที่ดำเนินการมาตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา โดยไม่ได้หยุด เราลุยเรื่องเส้นเลือดฝอย เช่น ท่อระบายน้ำ อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงมีการบำรุงรักษาดูแลเส้นเลือดใหญ่ เช่น อุโมงค์ระบายน้ำ ควบคู่กันไปด้วย เมื่อท่อระบายน้ำสามารถระบายได้ดี น้ำก็ไปถึงอุโมงค์ได้เร็วขึ้น ไม่ท่วมขังนาน ซึ่งทั้งหมดน่าจะเห็นผลในปีนี้ คือ มีการระบายน้ำที่รวดเร็วขึ้น

อีกเรื่องที่น่าสนใจที่เราเริ่มทำไปแล้ว คือ Open Data และแผนที่ความเสี่ยง หรือ Bangkok Risk Map โดยนำจุดเสี่ยงมาลงแผนที่ อาทิ จุดเสี่ยงน้ำท่วม ทำให้เห็นภาพว่าเราต้องโฟกัสตรงตำแหน่งไหนบ้าง

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า วัตถุประสงค์ของ Risk Map คือ 1. กรุงเทพมหานครใช้ในการบริหารจัดการได้ตรงมากขึ้น โดยมีเหตุผลในการใช้งบประมาณในการปรับปรุง และ 2. เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ด้วย เช่น เรื่อง Road Safety ซึ่งมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถนำมาเทียบได้เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ทำให้ กทม.สามารถใช้ในการแก้ปัญหาเรื่องจุดเสี่ยง ในขณะเดียวกัน ประชาชนสามารถดูเรื่องการจราจรและจุดเสี่ยงได้ด้วย

สิ่งที่เรากำลังจะทำเพิ่มเติม ซึ่งสำนักงานเขตช่วยดำเนินการอยู่ คือ นำเข้าข้อมูลประปาหัวแดงอยู่ที่ไหน มีถังแดงอยู่ที่ไหนในชุมชน สถานีดับเพลิง สถานพยาบาล และพื้นที่ที่โรงเรียนหรือสถานที่ราชการที่เราใช้เป็นพื้นที่พักพิง ก็จะเริ่มเอาข้อมูลเข้า ตอนนี้ทางสำนักงานเขตจะคุ้นชินกับการนำเข้าข้อมูลอยู่ในแผนที่ที่เป็น Google Map ที่เขาใช้อยู่ แต่ต่อไปเราจะถอดข้อมูลเหล่านี้เข้าแผนที่กลางแผนที่เดียว หรือ One Map เพื่อให้เราสามารถเรียกดูข้อมูล ทั้งในแง่ของพื้นที่เสี่ยง ทรัพยากรและอุปกรณ์ที่เรามี สุดท้ายเราจะทำแผนที่ละเอียดขึ้น คือ ผังชุมชน โดยทำให้ง่ายๆ เพื่อให้ประชาชนใช้ได้ และกำลังจัดทำแผนเผชิญเหตุชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถทราบทางเข้า-ออก ทราบความแคบของพื้นที่ จุดรวมพลจะอยู่ตรงไหน จุดนับคน และมีการระบุว่ามีกลุ่มเปราะบางอยู่ที่ไหน ทั้งนี้จะยังเห็นเป็นข้อมูลคร่าวๆ เพราะเราต้องใช้ในการบริหารจัดการ และต้องปกป้อง privacy ของภาคประชาชนด้วย

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ปีนี้จะขยายเรื่องนี้ไปทุกเขตให้ครบถ้วน ซึ่งเรามีอาสาสมัครเทคโนโลยีช่วยในการอัปเดตข้อมูลในชุมชน เพื่อให้อนาคตเราเข้าถึงการให้บริการแก่ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

นโยบายปัจจุบัน เราทำโครงการเส้นเลือดฝอยเยอะมาก เพราะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ประชาชนจริงๆ โดยปรับปรุงเรื่องสาธารณสุข เรื่องการศึกษาต่างๆ ถามว่าทำไมเราไม่มี Mega Project เพราะเราต้องดูสถานะการเงินเราด้วย อย่าง BTS เราก็ยังไม่แน่นอนเรื่องสภาพหนี้ ปัจจุบันเรามีหนี้ BTS อยู่เกือบแสนล้านบาท โครงสร้างพื้นฐาน ค่าเดินรถในส่วนต่อขยาย ฯลฯ รวมแล้วมูลค่ามากกว่า 9 แสนล้านบาท เรามีงบผูกพันที่ได้มีการเซ็นสัญญาล่วงหน้าไปแล้วเกือบ 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม การทำโครงการ Mega Project จำเป็นแน่นอน แต่ต้องรอบคอบ เราต้องใช้เงินให้น้อย แต่ให้ได้ผลเยอะ ฉะนั้นช่วงนี้เราจะใช้กับโครงการเส้นเลือดฝอย ส่วน Mega Project ที่มีอยู่แล้ว เราทำอยู่ตลอด โดยพยายามใช้เงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“เบื้องต้นค่อนข้างพอใจ เชื่อว่าสิ่งที่เห็นเป็นการทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ เส้นเลือดใหญ่เส้นเลือดฝอยทำไปพร้อมกัน เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง โครงการที่ให้ไว้กับประชาชนก็เดินหน้าทุกโครงการ ไม่มีปัญหาอะไร” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ว่า ได้มีการหาแนวทางป้องกัน ซึ่งตอนนี้กำลังประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้านครหลวงที่จะจัดทีมร่วมกัน โดยมีเครือข่ายวิทยาลัยช่างเทคนิคมาร่วมในการออกสำรวจตามชุมชน เก็บข้อมูลเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ลงพื้นที่ช่วยตรวจสายไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สภาพไม่ดี ให้มีการซ่อมแซมให้ดีก่อนใช้งาน

ส่วนเหตุเพลิงไหม้ที่โรงเรียนวัดดอกไม้ เมื่อเช้า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร มีพื้นที่เสียหายประมาณ 5 ตารางเมตร ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาได้กำชับให้มีการสำรวจความพร้อมก่อนเปิดเรียนแล้ว ก็จะมีการดำเนินการเชิงรุกเพิ่มเติมต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]

ภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์

กทม. 15 ส.ค.-“ทบ.-ทภ.2” ยืนยันภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์ คาดฝ่ายกัมพูชาทำคอนเทนต์สร้างกระแส ให้เห็นว่าไม่ยอมฝ่ายไทย เตรียมประท้วงขัดข้อตกลง “จีบีซี” แม่ทัพภาค 2 ยันทุกอย่างอยู่ที่เดิม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปทหารกัมพูชาอ้างถึงการรื้อลวดหนามหีบเพลงใกล้ฐานปฏิบัติการซำแต ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า อาจจะเป็นการทำภาพวิดีโอ เพื่อนำเสนอให้คนกัมพูชาเห็นการปฏิบัติการตอบโต้ไทยตามแนวชายแดน แต่หลายอย่างไม่ได้ตรงกับพื้นที่จริง อาจจะเป็นเรื่องของการใช้กราฟิกในเรื่องของสีธง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตรงนั้น มุ่งหวังสร้างขวัญกำลังใจกับฝ่ายกัมพูชามากกว่า เพื่อแสดงท่าทีว่าได้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลวดหนาม หรือธง ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่พื้นที่ที่มีการอ้างถึง “อาจจะมาทำเป็นลักษณะของการทำคอนเทนต์ ให้คนกัมพูชาเห็นว่ามีปฏิกิริยาที่ไม่เอารั้วลวดหนาม ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ยืนยันไม่ใช่ภาพจริงที่เขาอ้างถึง ส่วนการละเมิดข้อตกลงจีบีซี ในเรื่องการบิดเบือนข่าวสารนั้น เราก็คงต้องประท้วงและแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย ระบุ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพอ้างว่าเป็นการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ประจำปราสาทตาเมือนธม ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ […]

เร่งแกะรอยวงจรปิดเส้นทางหนีโจรชิงทอง 163 บาท

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ตำรวจเร่งแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้ายสวมชุดไรเดอร์บุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทองคำ 163 บาท มูลค่ากว่า 8.6 ล้านบาท เช้าวันนี้ (15 ส.ค.) ทีมสืบสวน สภ.บางบ่อ ประชุมชุดและไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี บนถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) มุ่งหน้า จ.ชลบุรี เน้นจุดเสี่ยงตลอดแนวถนนเทพรัตน รวมถึงเส้นทางรองที่เชื่อมต่อออกพื้นที่ โดยวางแนวทางสอบสวนที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ก่อเหตุ โดยเฉพาะประเด็นชุดไรเดอร์ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ได้เชิญพยานแวดล้อม พนักงานร้านทอง สอบปากคำอย่างละเอียด ขอเวลาตำรวจทำงาน พร้อมกำชับหากพบตัวคนร้ายให้ใช้ยุทธวิธีจากเบาไปหาหนักด้วยความรอบคอบ เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน.-สำนักข่าวไทย

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]