“ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ย้ำ ผอ.เขตต้องรับผิดชอบ หากผู้ใต้บังคับบัญชาทุจริต

กรุงเทพฯ 1 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ กทม. ย้ำชัดเจน หากผู้ใต้บังคับบัญชาในเขตทุจริต ผู้อำนวยการเขตจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ส่วนสถานการณ์ฝนปีนี้ การระบายน้ำจะดีขึ้น


(1 มิ.ย.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 6/2566 ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ว่า วันนี้เป็นการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน หลังจากเข้ามาบริหารราชการครบ 1 ปี เนื่องจากเรามีนโยบายที่ชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มต้น ทุกคนจึงสามารถผลักดันนโยบายได้ ทำให้การดำเนินงานต่างๆ มีความคืบหน้าไปหลากหลายด้าน โดยจะมีการแถลงข่าวในวันที่ 13 มิ.ย.66

สำหรับระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาที่มีมาต่อเนื่อง โดยได้นำเรื่องต่างๆ ที่ค้างคาอยู่มาผลักดัน ซึ่งทำไปได้เยอะ ส่วนในปีต่อไปก็จะเป็นมาตรการเชิงรุกมากขึ้น ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการเขตลงพื้นที่ เพื่อเข้าถึงปัญหาและเร่งแก้ไข โดยไม่ต้องรอให้ประชาชนแจ้งเหตุเข้ามา


ในส่วนของเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อ คือ เรื่องความโปร่งใส ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่หยุดไม่ได้ ทุกคนยังคงเป็นข้อกังวลอยู่ กรุงเทพมหานครมีบุคลากรจำนวนมาก มีคนดีและคนไม่ดีอยู่ด้วยกัน แต่เชื่อว่ามีคนดีอยู่เยอะกว่า ขณะเดียวกัน มีคนไม่ดีด้วย ก็ได้มีคณะทำงานมาแก้ปัญหาตรงนี้อย่างจริงจัง เพื่อทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า คนที่ทุจริตคอร์รัปชันไม่เอาไว้ แต่เชื่อว่ายังมีข้อบกพร่องและต้องปรับปรุงต่อ โดยเฉพาะในเรื่องการรีดไถต่างๆ ยังมีข้อมูลรายงานมาว่า มีเหตุเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินเกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร จึงต้องเร่งดำเนินการ ได้สั่งการให้รองปลัดฯ เฉลิมพล ไปดูว่าเป็นอย่างไร หาหลักฐานได้ไหม ซึ่งได้มีการเตือนให้ทุกเขตระมัดระวังเรื่องนี้ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ดำเนินการตามกฎหมายยาก ที่ผ่านมาได้มีการร่วมมือกับ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ล่อซื้อไปหลายเคส เพราะเราทำเองไม่ได้ มีการแจ้งทุจริต 100 กว่าเรื่อง ผ่าน Traffy Fondue 77 เรื่อง ถ้ามีเบาะแสก็มีการดำเนินการตลอด แต่ต้องมีข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อ วันนี้ได้เน้นย้ำให้ผู้อำนวยการเขตติดตาม เพราะอยู่ในความรับผิดชอบที่ต้องดูแล จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างไรก็ตาม จากความเอาจริงเอาจังของผู้บริหาร เชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น

ปัจจุบันใบอนุญาตออนไลน์ยังทำได้ไม่ครอบคลุม โครงการใหญ่ๆ ยังต้องยื่นเรื่องตามปกติ อยู่ระหว่างขยายการดำเนินการ และคิดว่าคนก็ยังไม่คุ้นชิน แต่อนาคตจะคุ้นชินกันมากขึ้น รวมถึงมีการให้คณะกรรมการมาช่วยดู ไม่ใช่ตัดสินใจแค่คนเดียว ซึ่งก็จะทำให้เด็ดขาดมากขึ้น

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า กรณีแรก อาจเป็นข้อบัญญัติบางอย่างหรือกฎกระทรวงการก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารไม่ค่อยสอดคล้องกับบริบทของปัจจุบัน ขณะนี้กำลังทบทวนและฟังเสวนาเรื่องพวกนี้ เพื่อทำให้กฎหมายสอดคล้องกับบริบทในกรุงเทพมหานคร ส่วนที่สอง เป็นการปรับให้มีการยื่นขออนุญาตออนไลน์ได้เพื่อความสะดวก เบื้องต้นตอนนี้อยู่ที่ไม่เกิน 300 ตารางเมตรก่อน อนาคตก็จะขยายไปอาคารประเภทอื่นด้วย แต่ต้องแยกออกจากกันระหว่างกระบวนการยื่นกับกระบวนการพิจารณา


ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า ต้องยอมรับความจริงว่าเรื่องทุจริตคอร์รัปชันยังมีอยู่ คนไม่กี่คนทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเสีย แต่ถ้าไม่ยอมรับความจริงก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องยอมรับและปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ให้ดีขึ้น แนวทางดำเนินการเป็นไปด้วยดี มีการร่วมมือกับ ป.ป.ช. มาตลอด คิดว่าน่าจะเห็นผลต่อไป ต้องทำหลายอย่างให้ดีขึ้น เช่น ปรับปรุงกฎหมาย ลดการใช้วิจารณญาณของคนเดียว เป็นต้น

นอกจากนี้ยังได้มีการเน้นย้ำเรื่องต่างๆ ที่ประชาชนพบเจอ เช่น หาบเร่-แผงลอย ทางเท้า การขับขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้า และน้ำท่วม เพื่อเร่งดำเนินการต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่คนกังวลตอนนี้ เพราะฝนเริ่มมาแล้ว จะเห็นได้ว่าช่วง 2 วันที่ผ่านมาที่เราได้ลงพื้นที่ไปดู ก็ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ น้ำลงได้เร็ว น้ำท่วมค้างไม่นาน

รองผู้ว่าฯ วิศณุ กล่าวถึงเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่า จากการถอดบทเรียนในปีที่ผ่านมา เราได้ข้อมูลจุดน้ำท่วมทั้งหมด 737 จุด เป็นจุดที่น้ำท่วมจากน้ำฝน 617 จุด โดยมีการแก้ไขถาวร 90 จุด แก้ไขเร่งด่วน 527 จุด (ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 224 จุด ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ 165 จุด เรียงกระสอบทราย 97 จุด ขุดลอกคลอง 17 จุด เสริมผิวจราจร 24 จุด) และเป็นจุดที่น้ำท่วมจากน้ำหนุน 120 จุด โดยมีการแก้ไขถาวร 29 จุด แก้ไขเร่งด่วน 91 จุด (เรียงกระสอบทราย 69 จุด ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 1 จุด สร้างรางระบายน้ำ 1 จุด JET MIX 18 จุด ปรับปรุงบ่อสูบน้ำ 1 จุด ปรับปรุงบ่อสูบน้ำ+JET MIX 1 จุด)

ในส่วนของการขุดลอกท่อระบายน้ำ กรุงเทพมหานครมีท่อระบายน้ำยาว 6,441 กม. แผนขุดลอกในปี 2565 ระยะทาง 3,356.9 กม. และลอกต่อเนื่องอีก 674.4 กม. แล้วเสร็จ 100% ส่วนแผนขุดลอกในปี 2566 ระยะทาง 3,758.4 กม. แล้วเสร็จ 2,597.6 กม. (69.11%) อยู่ระหว่างดำเนินการ 1,160.8 กม. (30.89%) จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.66

สำหรับการขุดลอกและเปิดทางน้ำไหลคลอง 1,980 คลอง ระยะทาง 2,744,923 เมตร แบ่งออกเป็นเปิดทางน้ำไหล (เก็บผักตบชวา ขยะ ฯลฯ) โดยการดูแลรักษาประจำ 1,227,262 ม. เปิดทางน้ำไหลปีละ 1 ครั้ง 1,326,058 ม. และเปิดทางน้ำไหลปีละ 4 ครั้ง 191,603 ม. ซึ่งการเปิดทางน้ำไหลปีละ 1 ครั้ง และ 4 ครั้ง ขณะนี้แล้วเสร็จ 85% จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.66 ด้านการขุดลอก มีแผนขุดลอก 182 คลอง 202,704 ม. แล้วเสร็จ 75% จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.66 เพื่อรับน้ำฝนที่จะมา

ด้านการบำรุงรักษาสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำ ประจำปี 2566 ได้มีการบำรุงรักษาประจำปี เช่น ตรวจเช็กระบบไฟฟ้า เครื่องจักร เครื่องสูบน้ำ ระบบน้ำมันหล่อลื่น ทำความสะอาด ทาสี ฯลฯ ปัจจุบันดำเนินการได้ 409 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 21 แห่ง ซึ่งต้องแล้วเสร็จภายในเดือนนี้

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวเสริมว่า เรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องที่ดำเนินการมาตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา โดยไม่ได้หยุด เราลุยเรื่องเส้นเลือดฝอย เช่น ท่อระบายน้ำ อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงมีการบำรุงรักษาดูแลเส้นเลือดใหญ่ เช่น อุโมงค์ระบายน้ำ ควบคู่กันไปด้วย เมื่อท่อระบายน้ำสามารถระบายได้ดี น้ำก็ไปถึงอุโมงค์ได้เร็วขึ้น ไม่ท่วมขังนาน ซึ่งทั้งหมดน่าจะเห็นผลในปีนี้ คือ มีการระบายน้ำที่รวดเร็วขึ้น

อีกเรื่องที่น่าสนใจที่เราเริ่มทำไปแล้ว คือ Open Data และแผนที่ความเสี่ยง หรือ Bangkok Risk Map โดยนำจุดเสี่ยงมาลงแผนที่ อาทิ จุดเสี่ยงน้ำท่วม ทำให้เห็นภาพว่าเราต้องโฟกัสตรงตำแหน่งไหนบ้าง

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า วัตถุประสงค์ของ Risk Map คือ 1. กรุงเทพมหานครใช้ในการบริหารจัดการได้ตรงมากขึ้น โดยมีเหตุผลในการใช้งบประมาณในการปรับปรุง และ 2. เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ด้วย เช่น เรื่อง Road Safety ซึ่งมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถนำมาเทียบได้เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ทำให้ กทม.สามารถใช้ในการแก้ปัญหาเรื่องจุดเสี่ยง ในขณะเดียวกัน ประชาชนสามารถดูเรื่องการจราจรและจุดเสี่ยงได้ด้วย

สิ่งที่เรากำลังจะทำเพิ่มเติม ซึ่งสำนักงานเขตช่วยดำเนินการอยู่ คือ นำเข้าข้อมูลประปาหัวแดงอยู่ที่ไหน มีถังแดงอยู่ที่ไหนในชุมชน สถานีดับเพลิง สถานพยาบาล และพื้นที่ที่โรงเรียนหรือสถานที่ราชการที่เราใช้เป็นพื้นที่พักพิง ก็จะเริ่มเอาข้อมูลเข้า ตอนนี้ทางสำนักงานเขตจะคุ้นชินกับการนำเข้าข้อมูลอยู่ในแผนที่ที่เป็น Google Map ที่เขาใช้อยู่ แต่ต่อไปเราจะถอดข้อมูลเหล่านี้เข้าแผนที่กลางแผนที่เดียว หรือ One Map เพื่อให้เราสามารถเรียกดูข้อมูล ทั้งในแง่ของพื้นที่เสี่ยง ทรัพยากรและอุปกรณ์ที่เรามี สุดท้ายเราจะทำแผนที่ละเอียดขึ้น คือ ผังชุมชน โดยทำให้ง่ายๆ เพื่อให้ประชาชนใช้ได้ และกำลังจัดทำแผนเผชิญเหตุชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถทราบทางเข้า-ออก ทราบความแคบของพื้นที่ จุดรวมพลจะอยู่ตรงไหน จุดนับคน และมีการระบุว่ามีกลุ่มเปราะบางอยู่ที่ไหน ทั้งนี้จะยังเห็นเป็นข้อมูลคร่าวๆ เพราะเราต้องใช้ในการบริหารจัดการ และต้องปกป้อง privacy ของภาคประชาชนด้วย

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ปีนี้จะขยายเรื่องนี้ไปทุกเขตให้ครบถ้วน ซึ่งเรามีอาสาสมัครเทคโนโลยีช่วยในการอัปเดตข้อมูลในชุมชน เพื่อให้อนาคตเราเข้าถึงการให้บริการแก่ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

นโยบายปัจจุบัน เราทำโครงการเส้นเลือดฝอยเยอะมาก เพราะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ประชาชนจริงๆ โดยปรับปรุงเรื่องสาธารณสุข เรื่องการศึกษาต่างๆ ถามว่าทำไมเราไม่มี Mega Project เพราะเราต้องดูสถานะการเงินเราด้วย อย่าง BTS เราก็ยังไม่แน่นอนเรื่องสภาพหนี้ ปัจจุบันเรามีหนี้ BTS อยู่เกือบแสนล้านบาท โครงสร้างพื้นฐาน ค่าเดินรถในส่วนต่อขยาย ฯลฯ รวมแล้วมูลค่ามากกว่า 9 แสนล้านบาท เรามีงบผูกพันที่ได้มีการเซ็นสัญญาล่วงหน้าไปแล้วเกือบ 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม การทำโครงการ Mega Project จำเป็นแน่นอน แต่ต้องรอบคอบ เราต้องใช้เงินให้น้อย แต่ให้ได้ผลเยอะ ฉะนั้นช่วงนี้เราจะใช้กับโครงการเส้นเลือดฝอย ส่วน Mega Project ที่มีอยู่แล้ว เราทำอยู่ตลอด โดยพยายามใช้เงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“เบื้องต้นค่อนข้างพอใจ เชื่อว่าสิ่งที่เห็นเป็นการทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ เส้นเลือดใหญ่เส้นเลือดฝอยทำไปพร้อมกัน เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง โครงการที่ให้ไว้กับประชาชนก็เดินหน้าทุกโครงการ ไม่มีปัญหาอะไร” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ว่า ได้มีการหาแนวทางป้องกัน ซึ่งตอนนี้กำลังประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้านครหลวงที่จะจัดทีมร่วมกัน โดยมีเครือข่ายวิทยาลัยช่างเทคนิคมาร่วมในการออกสำรวจตามชุมชน เก็บข้อมูลเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ลงพื้นที่ช่วยตรวจสายไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สภาพไม่ดี ให้มีการซ่อมแซมให้ดีก่อนใช้งาน

ส่วนเหตุเพลิงไหม้ที่โรงเรียนวัดดอกไม้ เมื่อเช้า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร มีพื้นที่เสียหายประมาณ 5 ตารางเมตร ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาได้กำชับให้มีการสำรวจความพร้อมก่อนเปิดเรียนแล้ว ก็จะมีการดำเนินการเชิงรุกเพิ่มเติมต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน “อีสาน กลาง ใต้” รับมือฝนถล่ม

6 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ รับมือฝนถล่ม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.ย. โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]