จิตแพทย์หวั่นสังคมส่งต่อความรุนแรง วอนยึดหลัก 1 เตือน 2 ไม่

สธ. 22 พ.ค. – จิตแพทย์ วอนยึดหลัก 1 เตือน 2 ไม่ หวั่นสังคมส่งต่อความรุนแรง ทั้งข้อความเกลียดชังและข่าวเท็จจริง เพิ่มอุณหภูมิการเมืองให้ร้อนขึ้น กลายเป็นชุมนุมได้ ย้ำเห็นต่างไม่มีถูกผิด และทุกคนต่างหวังดีกับประเทศ ส่วนการจับขั้วทางเมือง ต้องเข้าใจเสียงส่วนมาก แม้เป็นประชามติ แต่ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นคนอื่น


นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวเรียกร้องให้สังคมยึดหลัก 1 เตือน 2 ไม่ ในการสนทนาและแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันพบการส่งต่อข้อความ หรือ ถ้อยคำที่รุนแรง หรือแสดงความเห็นเหยียดคนที่เห็นต่างทางการเมือง อยากให้สังคมไทยก้าวข้ามผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ หากทุกคนยอมรับความเห็นต่างก็จะทำให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้า และดีกว่าเข้าสู่วังวนความขัดแย้งเดิม และอยากให้ต่างคนต่างมองกันในแง่ดี ว่าทุกคนต่างหวังดีกับประเทศ ไม่ใช่จำกัดแค่คนที่มีความคิดแบบนี้ถึงหวังดีกับประเทศเท่านั้น และอย่าไปได้เครียดกับสถานการณ์บ้านเมืองจนเกินไป ส่วนการลุ้นการจับขั้วทางการเมือง ต้องเข้าใจว่า เสียงส่วนมาก เป็นประชามติ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น ความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องของถูกผิด

นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ปัจจุบันเกิดปัญหาการส่งต่อข้อความเกลียดชัง (Hate Speech) ความรุนแรง และข้อความเป็นเท็จ (Fake news) จึงอยากให้ทุกคนใช้หลัก 1 เตือน 2 ไม่ ได้แก่ 1 เมื่อเจอข้อความรุนแรงในโลกออนไลน์ ต้องเตือนให้เขาหยุดทำพฤติกรรมนี้ทันที โดยเป็นการเตือนด้วยถ้อยคำที่สุภาพ ไม่หยาบคาย เพื่อไม่ให้ส่งต่อความเกลียดชัง หากเตือนด้วยความรุนแรง ก็จะกลายเป็นการทะเลาะกัน ส่วน 2 ไม่ คือ ไม่ ผลิตข้อความรุนแรง และไม่ส่งต่อข้อความรุนแรง


ทั้งนี้เชื่อว่า หากสังคมไทยไม่ผลิตข้อความรุนแรง ไม่ส่งต่อความเกลียดชัง และต้องเข้าใจว่าความเห็นต่างทำให้เกิดการพัฒนา และหลายประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าก็ล้วนแต่เคยผ่านความเห็นต่างมาแล้ว ส่วนที่มองว่าในอนาคต ความขัดแย้งทางการเมืองจะนำไปสู่การชุมนุมและความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถนน เหมือนที่ผ่านมาหรือไม่นั้น มองว่า ขณะนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ แบบ 50 : 50 หากช่วยการหยุดการส่งต่อข้อความรุนแรงและเกลียดชัง ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมเหมือนในอดีต ที่ออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนน และเชื่อว่าตำรวจหรือผู้บังคับใช้กฎหมาย รู้แนวทางปฏิบัติตามหลักกฎหมายมาแล้ว เนื่องจากผ่านมาแล้วหลายการชุมนุม อย่างไรก็ตามในการติดตามรับชมข่าวทางการเมือง ขอให้รับชมจากสื่อกระแสหลัก เพราะมีกองบรรณาธิการในการกลั่นกรอง ดีกว่าการรับชมสื่อเลือกข้าง เพราะจะได้รับข่าวสารที่หลากหลาย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

“อ.แจ็คพันศพ” ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะเผาศพ

“อาจารย์แจ็คพันศพ” สัปเหร่อและหมอผีชื่อดัง จ.บุรีรัมย์ ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะวางดอกไม้จันทน์เผาศพ ไฟลวกทั่วร่างกาย ต้องหามส่งโรงพยาบาล  เจ้าตัวงง! เผาศพมาเป็นพัน ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเร่งกวาดล้างแก๊งไทใหญ่ 999

กรณีแก๊งไทใหญ่ 999 ไล่ฟันหนุ่มกะเหรี่ยง ย่านห้วยขวาง ตำรวจยอมรับมีกลุ่มต่างด้าวกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ เร่งพิสูจน์รวมแก๊งลักษณะอั้งยี่-ซ่องโจร หรือไม่ พร้อมลั่นดำเนินคดีไม่ละเว้น

ผู้การอยุธยา สั่งสอบ ตร. เก็บส่วยร้านอาหาร

แฉคลิปเสียงชายอ้างเป็นตำรวจ เรียกเก็บเงินรายเดือนจากร้านอาหาร พอปฏิเสธถูกลงตรวจถี่ยิบ ล่าสุด ผู้การฯ อยุธยา สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงด่วน

ปิด “จุดชมวิวภูชี้ฟ้า” ชั่วคราว เหตุเสียงปืนดังข้ามแดน-กระสุนตกใส่หลังคาบ้าน

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ชายแดนไทย-สปป ลาว อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลังเกิดเสียงปืนดังข้ามแดน และพบกระสุนตกใส่บ้านเรือนประชาชน

กทม.พาสื่อดูซากตึก สตง. คาดอีก 2-3 วัน ภารกิจเสร็จสิ้น

กทม.พาสื่อลงพื้นที่ดูซากตึก สตง. ขณะนี้เคลียร์ถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นจุดสุดท้าย คาดภารกิจการค้นหาผู้สูญหายและรื้อซากจะเสร็จสิ้นในอีก 2-3 วัน