สำนักข่าวไทย 6 พ.ค.-ผอ.กองระบาดวิทยา ชี้ หลัง WHO ประกาศให้โควิด ไม่ใช่ภาวะฉุกเฉิน ไม่มีผลกับการปฏิบัติตัว เพราะไทยประกาศเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง มาตั้งแต่ ต.ค.65 แค่ให้มั่นใจว่าจะไม่มีการระบาดใหญ่และคุมได้
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังจากองค์การอนามัยโลก ประกาศให้ โรคโควิด-19 ไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินอีกต่อไปว่า การประกาศขององค์การอนามัยโลกไม่ได้มีผลกับแนวทางปฏิบัติของไทย เนื่องจากประเทศไทยได้มีการประกาศให้ โควิด เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 65 อย่างไรก็ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก เป็นเพียงแต่มั่นใจว่าควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคได้และจะไม่มีการระบาดใหญ่เกิดขึ้นอีก ส่วนการรายงานพบสายพันธุ์ใหม่ๆ เป็นปกติของเชื้อไวรัสที่มีการพัฒนา และต้องมีการเฝ้าระวัง แต่ทั้งนี้ในแต่ละประเทศยังคงต้องมีมาตรการติดตามกำกับของแต่ละประเทศกันไป ซึ่งสิ่งที่สะท้อนอย่างชัดเจน คือเรื่องของการเดินทางต่อไป จะไม่มีการบังคับตรวจหาเชื้อโควิด หรือตรวจดูการรับวัคซีนอีกต่อไป ส่วนแนวทางปฏิบัติของคนไทย ก็ยังคงปฏิบัติตามปกติเหมือนเช่นทุกวันนี้ เรื่องของการบังคับใส่หน้ากาก หรือไม่ใส่หน้ากาก ประเทศไทยไม่บังคับ ให้เป็นดุลยพินิจ ว่าอยู่ในสถานการณ์หรือสถานที่ที่เหมาะสม เช่น อยู่ในสถานที่แออัด หรือตัวเองป่วยหรือไม่
ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อโควิด นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ที่ต้องพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ โดยข้อมูลของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายสัปดาห์ 23-29 เมษายน 2566 พบว่า พบผู้ป่วยรายใหม่รักษาตัวใน รพ. 1,811 คน เสียชีวิต 10 คน มีภาวะปอดอักเสบ 157 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 79 คน.-สำนักข่าวไทย