กรุงเทพฯ 6 พ.ค. – “ทนายอนันต์ชัย” เผยเสนอเจ้าคณะปกครองพักการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร ในระหว่างที่มีการสอบอธิกรณ์ ชี้ตั้งไวยาวัจกรไม่ถูกต้องและพบความผิดปกติด้านการเงินของวัด ส่วนที่วัดวันนี้มีทั้งลูกศิษย์ที่ห่วงใยเจ้าอาวาสและชาวบ้านละแวกวัด มาติดตามสถานการณ์ภายในวัด
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความและประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม กล่าวว่า ได้เสนอต่อเจ้าคณะปกครองให้พักการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร เขตบางรัก ในระหว่างที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบอธิกรณ์ คาดว่าเจ้าคณะปกครองจะดำเนินการตามขั้นตอนในวันจันทร์นี้ (8 พ.ค.)
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า การเข้ามาตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร เป็นไปตามข้อร้องเรียนที่มีไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เกี่ยวกับการแต่งตั้งไวยาวัจกร และข้อสงสัยด้านการเงินของวัด ต่อมาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรายงานไปยังเจ้าคณะปกครอง เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ โดยมูลนิธิทนายกองทัพธรรมได้รับการประสานจากเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ให้เข้าช่วยเหลือด้านกฎหมาย ดังนั้น การเข้ามาตรวจสอบจึงเป็นไปตามฉันทานุมัติของเจ้าคณะปกครอง
จากการตรวจสอบพบว่าการแต่งตั้งไวยาวัจกรของเจ้าอาวาสเป็นไปอย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากจะต้องรายงานต่อเจ้าคณะแขวงและเจ้าคณะเขต ให้เห็นชอบตามลำดับ เนื่องจากไวยาวัจกรเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ อีกทั้งยังมีความสำคัญมาก เพราะทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เบื้องต้นพบความผิดปกติด้านการเงินของวัด
ส่วน “พระหมู” ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดเจ้าอาวาส จะต้องสอบอธิกรณ์เช่นกัน เนื่องจากถูกร้องเรียนว่าเป็นผู้ชักนำกลุ่มบุคคลเข้ามาในวัด แล้วออกคำสั่งในนามเจ้าอาวาสให้ภิกษุ สามเณร ปฏิบัติตาม รวมถึงมีกลุ่มบุคคลตั้งตัวเป็นมาเฟียเรียกรับผลประโยชน์และข่มเหงพระภิกษุ สามเณร และชาวบ้านซึ่งเช่าที่วัดอยู่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าปัญหาการบริหารจัดการภายในวัดมหาพฤฒารามวรวิหารคล้ายคลึงกับอีกหลายๆ วัดที่เจ้าอาวาสชราภาพ แล้วผู้ใกล้ชิดฉวยโอกาสแสวงหาประโยชน์ในนามเจ้าอาวาส โดยเจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒารามวรวิหารอายุ 83 ปีแล้ว
สำหรับที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร วันนี้ไม่พบชายชุดดำที่ทำหน้าที่ รปภ. เหมือนวานนี้ (5 พ.ค.) ด้านหน้ากุฏิปิดประตู ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเหตุการณ์ภายในวัดจากพระภิกษุหลายรูป ต่างกล่าวว่าเป็นพระผู้น้อย จึงไม่สามารถพูดอะไรได้
ในระหว่างวันมีลูกศิษย์และชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเข้ามาติดตามสถานการณ์ภายในวัด นางจงจินต์ ชาวบ้านซึ่งเช่าที่วัดอาศัยอยู่ กล่าวว่า ต้องการให้เจ้าคณะปกครองแก้ปัญหาความไม่โปร่งใสด้านการเงินของวัดที่ได้จากการทำบุญและค่าแรกเข้าของโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่ารายได้มีเท่าไร เก็บที่ไหน และนำไปทำอะไรบ้าง รวมทั้งดีใจที่ทนายอนันต์ชัยเข้ามาตรวจสอบ เพราะที่วัดมีพระบางรูปเรียกรับผลประโยชน์ รวมทั้งยืนยันว่ามีกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นมาเฟียภายในวัด ทำให้พระภิกษุและสามเณรหวาดกลัว
ส่วนนายธีรัถ กล่าวว่า เป็นลูกศิษย์ของเจ้าอาวาส เมื่อทราบถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในวัดวานนี้ จึงเดินทางมา แต่พบว่าประตูหน้ากุฏิปิดจึงไม่ได้เข้าไปรบกวน รู้สึกเป็นห่วงสภาพจิตใจของเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นพระที่มีความเมตตาและชราภาพมากแล้ว แต่ยืนยันว่าได้เข้ากราบนมัสการเมื่อ 1 เดือนก่อน เจ้าอาวาสยังมีสติสัมปชัญญะดีและไม่มีอาการของโรคอัลไซเมอร์
ทั้งนี้ เชื่อว่าข้อร้องเรียนจากภายในวัดอาจมาจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ทำให้พระบางรูป หรือฆราวาสบางคน รู้สึกว่าถูกกีดกันไม่ให้เข้าพบเจ้าอาวาส รวมถึงไม่เชื่อว่ามีการทุจริต เนื่องจากไม่ใช่วัดใหญ่ นักท่องเที่ยวที่จะมาทำบุญมีไม่มาก และไม่มีการทำเครื่องรางของขลัง พร้อมระบุว่าหากมีความไม่เข้าใจกัน ควรสอบถามและพูดจากันดีๆ แล้วให้เจ้าคณะปกครองมาช่วยคลี่คลายตามระเบียบสงฆ์ ไม่ใช่นำบุคคลภายนอกมาเข้ามาจนทำให้เหตุการณ์บานปลาย.-สำนักข่าวไทย