เปิดโครงการ Strengthening SDG Localization in Thailand ร่วมกับผู้ว่าฯ 15 จังหวัดนำร่อง

28 เม.ย. – มหาดไทย จับมือ EU และ UNDP เปิดโครงการ “Strengthening SDG Localization in Thailand ร่วมกับผู้ว่าฯ 15 จังหวัดนำร่อง” มุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน ตามเป้าหมาย SDGs โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง


วันนี้ (28 เม.ย. 66) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุม CR-3 ชั้น 1 ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในพิธีเปิด “โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งการนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนไปปฏิบัติในเชิงพื้นที่ (SDGs Localization) ในจังหวัดนำร่องทั้ง 15 จังหวัด” โดยมี นางสาวซารา เรโซอากลี รองหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำราชอาณาจักรไทย นายเรโน เมแยร์ ผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) นางสาวมาริสา ปัณยาชีวะ ผู้แทนสำนักงานผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รศ.วรวรรณ โรจนไพบูลย์ นายประสพโชค อยู่สำราญ นางสุจิตรา ศรีนาม ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตาก นครราชสีมา นราธิวาส ปัตตานี เพชรบุรี ภูเก็ต แม่ฮ่องสอน ยะลา สงขลา สุราษฎร์ธานี อุดรธานี จังหวัดอุบลราชธานี และผู้แทนกรุงเทพมหานคร นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมในงาน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสแสดงเจตนารมณ์ให้ทาง UNDP และสหภาพยุโรป (EU) ได้มั่นใจว่าพวกเราทุกคนจะช่วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับพื้นที่ไปสู่การปฏิบัติในทันที ดังคำมั่นสัญญาว่า “1 จังหวัด 1 คำมั่นสัญญา เพื่อความเท่าเทียม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” รวมทั้งตามปรารภของรองหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำราชอาณาจักรไทยที่กล่าวว่าโลกของเรากำลังเผชิญความท้าทายต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สภาวะสงครามระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งซึ่งทุกคนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน รวมทั้งสภาวะความผันแปรทางระบบเศรษฐกิจของโลก ซึ่งประเทศไทยก็เคยได้รับผลกระทบจาก “วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง” ยิ่งไปกว่านั้นโลกของเรากำลังเผชิญสภาพความแปรปรวนของอากาศ ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงต้องตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนดังที่พวกเราทุกคนได้ร่วมกันในวันนี้ เพื่อมาแสดงความจริงใจว่าพวกเราทุกคนรับรู้ว่าโลกใบนี้มีปัญหา และแสดงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นให้สำเร็จ


“กระทรวงมหาดไทยทำหน้าที่เป็นโซ่ข้อกลางระหว่างทุกกระทรวง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้นำท้องที่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ประสานบูรณาการขับเคลื่อนงานร่วมกันระหว่างราชการกับพี่น้องประชาชน ทั้งในรูปแบบ Top Down และ Bottom Up เป็น Two Way Communication โดยให้ความสำคัญกับการเป็นหุ้นส่วน (Partner) ที่ดีในการดูแลครอบครัว ชุมชน สังคมให้ได้รับการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 เป้าหมาย ซึ่งสิ่งที่ดีจะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนได้นั้นเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ต้องขับเคลื่อนพร้อมกันทุกภาคส่วน ดังที่ UN ได้ให้โอกาสกับกระทรวงมหาดไทยร่วมเป็นหุ้นส่วนที่ดีในการดูแลโลกใบนี้ และมุ่งมั่นช่วยขับเคลื่อนทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยเป็นสมาชิกที่ดีของโลก โดยกระทรวงมหาดไทยได้ทุ่มเทในการช่วยเหลือทำให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการขับเคลื่อนสำรวจเป้าหมายแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยกลไก ศจพ. ผ่าน ThaiQM ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้กว่า 4.1 ล้านครัวเรือน คิดเป็นกว่า 10 ล้านปัญหา อันเป็นการค้นหาเป้าหมายเพิ่มเติมจากระบบ TPMAP ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยคนมหาดไทยทุกกลไกในพื้นที่ได้ทำอย่างจริงจังจนสามารถแก้ไขปัญหาในมิติ “ยาฝรั่ง” ไปบางส่วนแล้ว และเราจะมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาในมิติความยั่งยืนแบบ “ยาไทย” ต่อไป” ปลัด มท.กล่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวต่ออีกว่า UN เป็นเสมือนหัวรถจักรที่มีพลังขับเคลื่อนที่จะทำให้พวกเราตื่นตัวและกระตือรือร้นเอาใจใส่ในการที่จะไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เกิดรูปธรรม และบัดนี้ความสำเร็จของการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน เริ่มผลิดอกออกผลภายใต้บริบทของสังคมไทยที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์นับเนื่องมาตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงมาเป็นผู้ให้แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนร่วมกับพี่น้องประชาชนด้วยการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใช้กับ SDGs 17 ข้อ หรือที่รู้จักกันว่า SEP for SDGs ด้วยการกระตุ้นปลุกเร้าในระดับหมู่บ้าน ใน 7,255 ตำบล 878 อำเภอ 76 จังหวัด ร่วมกันทำให้ประชาชนทุกคนมีที่อยู่อาศัย มีที่พักที่แข็งแรง ถูกสุขลักษณะ มีความมั่นคงด้านอาหาร ช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม คัดแยกขยะ จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ลดการปลดปล่อยก๊าซเสียไปสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งล่าสุดองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกได้ให้การรับรองคาร์บอนเครดิตจากขยะเปียก รวมถึงการรณรงค์ส่งเสริมให้คนมีความมั่นคงด้านเครื่องนุ่งห่ม ปลูกฝ้าย ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม และใช้สีธรรมชาติย้อมผ้า ตัดเย็บผ้า ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเครื่องนุ่งห่มเราไม่ทำลายโลก และหล่อเลี้ยงกระตุ้นทำให้ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศนี้เข้มแข็งขึ้นต่อยอดไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ปราศจากปัญหายาเสพติด มีความรักใคร่ความสามัคคี ประชาชนมีความสุข มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน อันแสดงให้เห็นว่า การที่พวกเราทุกคนได้ “ทำทันที (Action Now)” จะเกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชน

“การที่พวกเรามาร่วมกัน Kick off ในวันนี้ จะเป็นก้าวย่างสำคัญที่ทำให้ความเป็นหุ้นส่วนของทุกส่วนประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนสร้างความมั่นคงให้กับเพื่อนมนุษย์ มุ่งไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนที่มีความสำเร็จเป็นรูปธรรม และพวกเราชาวมหาดไทยทุกคนจะทำอย่างจริงจังในทุกพื้นที่โดยยึดหลักการทรงงาน “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” เพื่อทำให้ประเทศไทยของเราก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 76 จังหวัดตามเจตนารมณ์ 1 จังหวัด 1 คำมั่นสัญญา เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน เพื่อความเท่าเทียมของทุกคน เพื่อโอกาสที่ดีของทุกชีวิตบนผืนแผ่นดินนี้ ทั้งนี้ พวกเราชาวมหาดไทยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งว่า เราไม่ได้เดินไปตามลำพัง เรามีมิตรสหายผู้มีอุดมการณ์สอดคล้องต้องกันกับพวกเราทุกคน นั่นคือ UNDP และ EU” ปลัด มท. กล่าวเพิ่มเติม


นางสาวซารา เรโซอากลี กล่าวว่า ปัจจุบันโลกของเราเผชิญสภาพความท้าทายมากมาย ทั้งปัญหาโลกร้อน ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ปัญหาภาวะสงครามที่เกิดขึ้นในรัสเซียและยูเครน ความท้าทายที่มีอยู่ในวันนี้ต้องเกิดความร่วมมือของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน โดยมีจุดแข็งร่วมกัน สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ต้องมีการร่วมงานแบบพหุภาคีและจะต้องมีระบบที่เราใช้กฎสากลและค่านิยมร่วมกัน มีตัวชี้วัด เพื่อบรรลุเป้าหมาย SDGs โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยรัฐภาคีของ EU จะใช้หลักนิติธรรมและประชาธิปไตย เป็นหลักสากลเพื่อเชื่อมโยงคนในโลกนี้ รวมถึงการให้ความรู้กับคนในทุกภูมิภาค ซึ่งในวันนี้กระทรวงมหาดไทย UNDP และ EU จะได้มาพบปะพูดคุยร่วมกันเป็นพันธมิตร อันเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการทำงานร่วมกันจากล่างขึ้นบน (Bottom Up) โดยเริ่มจากระดับท้องถิ่น ซึ่งทาง EU และประเทศสมาชิกพร้อมที่จะสนับสนุนประเทศไทย และ UNDP เพื่อบรรลุเป้าหมาย SDGs และขอย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นพันธมิตรที่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ที่จะนำกลยุทธ์ไปใช้ในพื้นที่และสนับสนุนความมั่นคงความมั่งคั่งและการพัฒนาประเทศไทยให้ยั่งยืน และการเปิดตัวโครงการ “Strengthening SDG Localization in Thailand” เป็นเครื่องตอกย้ำว่า รัฐภาคี EU พร้อมที่จะร่วมมือเป็น Partner ร่วมกับพันธมิตรจากทุกจังหวัด เพื่อทำให้ประเทศไทยและโลกใบนี้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายเรโน เมแยร์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย UNDP และ EU รวมถึงตัวแทนจากภาคประชาสังคมต่าง ๆ ได้มีการพูดคุยกันเรื่อง SDGs 17 เป้าหมาย เกิดเป็นโครงการความร่วมมือมากมาย อย่างไรก็ตามเราจะต้องเร่งดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในครัวเรือนและชุมชน ในพื้นที่ 15 จังหวัด ด้วยการนำยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ไปใช้ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่ง “โมเดลเศรษฐกิจพอเพียงมีความสำคัญ” ที่จะทำให้เป้าหมาย SDGs 17 สำเร็จได้อย่างแท้จริง บนฐานที่สำคัญ 4 ประการ คือ 1) “ข้อมูล” เพราะหลายประเทศได้มีการพัฒนาข้อมูลที่เป็นความท้าทายของประเทศ โดยนำข้อมูลที่จังหวัดต่าง ๆ ได้รวบรวม มากำหนดตัวชี้วัดที่เป็นทางการสำหรับติดตามตรวจสอบความก้าวหน้า เพื่อเทียบกับเป้าหมาย และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่สามารถสอดรับกับ SDGs ได้ และต้องติดตามความก้าวหน้า มาเทียบกับค่าเฉลี่ยในระดับประเทศ โดยเราจะทำงานร่วมกับทีมเจ้าหน้าที่จังหวัดต่าง ๆ เพื่อปรับข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 2) ต้องเกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม ทั้งระดับประเทศ ระดับรัฐบาล ระดับท้องถิ่น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและเทศบาลต้องระดมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาด้วยกัน เพราะถ้าขาดส่วนใดส่วนหนึ่ง การที่จะบรรลุเป้าหมายก็ยาก นอกจากนี้องค์กรภาครัฐต้องพยายามดึงภาคส่วนอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงองค์กรภาคประชาสังคมก็มีส่วนด้วย 3) ต้องยอมรับความหลากหลาย เพื่อตามให้ทันภาคส่วนอื่น ๆ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ให้ประโยชน์กับทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม เราต้องทำงานเชิงรุก ต้องระบุเป้าหมายได้ 4) SDGs 17 เป้าหมาย ไม่ใช่บทบาท UNDP เท่านั้น แต่ต้องอาศัยทุกภาคส่วนในการบูรณาการร่วมกัน โดยมี UNDP เป็นผู้ประสานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และ EU เพื่อสร้างความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญในการใช้ความพยายาม เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จทั้งระดับประเทศและระดับโลกตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวในช่วงท้ายว่า แม้ว่า UNDP จะได้กำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนโครงการฯ ในพื้นที่ 15 จังหวัด (14 จังหวัด + กรุงเทพมหานคร) แต่ทว่าภารกิจของกระทรวงมหาดไทยนั้น “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยมีความยินดีที่จะ “ลงมือทำทันทีในทุกจังหวัด” เพิ่มเติมจากเป้าหมายของ UNDP เราจะขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพราะกระทรวงมหาดไทยมีข้อมูลการขับเคลื่อนเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs ครอบคลุมในทุกมิติทุกจังหวัด ผ่านระบบปฏิบัติการ MOI War room ซึ่งได้มีการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดเป้าหมายอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว นอกจากนี้ สิ่งที่กระทรวงมหาดไทย ยังคงมุ่งมั่นเพื่อที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนมีความสุข มีชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน คือ การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ (SEP for SDGs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างหลักประกันในด้านความมั่นคงด้านอาหาร ผ่านการขับเคลื่อนสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของดิน อันเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมเนื่องในวันดินโลก ปี 2565 (World Soil Day 2022) ภายใต้แนวคิด “อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน (Soils, where food begins)” ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) ร่วมกับภาคีเครือข่าย ที่ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในพื้นที่มากกว่า 1.7 พันแห่งครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงทุกประการนี้ เป็นความตั้งใจจาก Passion ของคนมหาดไทยที่มุ่งมั่นในการทำหน้าที่เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

“อ.เฉลิมชัย” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ

9 มิ.ย. – “อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ ให้เหตุผลเป็นความตั้งใจว่าครบ 70 ปี จะลาออกทุกตำแหน่ง เพื่อเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังพร้อมช่วยกระทรวงและวงการศิลปะ จากกรณี อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ประกาศระหว่างบรรยายในงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 สู่ Thailand Biennale, Phuket 2025 ที่ จ.ภูเก็ต ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 พฤษาคมที่ผ่านมา เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระ เนื้อหาในจดหมายที่ถูกเผยแพร่ออกมาซึ่งเขียนด้วยลายมือของ อ.เฉลิมชัย ถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงวันที่ 30 พฤษภาคม มีใจความสำคัญว่า “เหตุผลของการลาออก เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีอายุมากแล้ว จึงได้ประกาศหยุดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะปรารถนาที่จะพักผ่อน ท่องเที่ยว หาความสุขในบั้นปลายของชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกส่วนตัวว่า เมื่อศิลปินแห่งชาติได้หยุดสร้างสรรค์ผลงานแล้วก็ไม่ควรที่จะมีตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมโปรดพิจารณาตัดชื่อข้าพเจ้าออกจากทำเนียบศิลปินแห่งชาติด้วย” ภายหลัง อ.เฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของการลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติว่า […]

“อนุทิน” สั่งเร่งตรวจสอบหลุมหลบภัยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 9 มิ.ย. – “อนุทิน” สั่งการผู้ว่าฯ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อตรวจติดตามความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา และได้รับทราบข้อมูลต่างๆในพื้นที่ ล่าสุด ได้มีข้อสั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด เร่งดำเนินการตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ทั้งหมด โดยสำรวจว่ามีหลุมหลบภัยที่สามารถใช้งานได้ในสภาพดีจำนวนกี่แห่ง จำนวนหลุมหลบภัยที่ชำรุดและต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมกี่แห่ง รวมทั้งสำรวจความต้องการในการก่อสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่เพิ่มเติม พร้อมระบุสถานที่และประมาณการงบประมาณที่ต้องการขอรับการสนับสนุน รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป .319.-สำนักข่าวไทย

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย