สสส.สานพลังภาคีเครือข่าย จัดดีเบต พรรคการเมือง ประชันวิสัยทัศน์

กรุงเทพฯ 26 เม.ย. – เลือกตั้ง 66 พบสถิติความรุนแรงในไทยพุ่งปีละ 1.5 พันราย สสส. สานพลังภาคีเครือข่าย จัดดีเบต 8 พรรคการเมือง ประชันวิสัยทัศน์หยุดความรุนแรงเด็ก-ผู้หญิง-ครอบครัว ตัดตอนปัญหาถูกทำร้ายซ้ำซาก แก้ช่องโหว่กฎหมาย สร้างระบบคุ้มครองสิทธิ-ช่วยเหลือมีประสิทธิภาพ
 
ที่อาคารเทพทวารวดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ และคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล, มูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว, สมาคมเพศวิถีศึกษา, มูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร, สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ จัดเวทีดีเบตเลือกตั้ง 66 ประชันวิสัยทัศน์ 6 ประเด็นคำถาม “นโยบายพรรคการเมืองกับความหวังในการแก้ปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก ผู้หญิง และครอบครัว”


โดยมีนางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. เป็นประธานเปิดกิจกรรม มี 8 พรรคการเมืองเข้าร่วม ได้แก่ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม พรรคก้าวไกล นางสาวธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ พรรคไทยสร้างไทย นางสาวรัชดา ธนาดิเรก พรรคประชาธิปัตย์ นางสาวนฤมล รัตนาภิบาล พรรคพลังประชารัฐ นายชานันท์ ยอดหงษ์ พรรคเพื่อไทย นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ พรรคภูมิใจไทย ว่าที่ ร.ต.อ.อัยรดา บำรุงรักษ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ นายกรกนก คำตา พรรคสามัญชน

นางภรณี กล่าวว่า ความรุนแรงบนฐานเพศเป็นปัญหาที่ สสส. ต้องการจัดการให้หมดไป หลังพบข้อมูลสำคัญจากแผนงานสุขภาวะผู้หญิง ชี้ให้เห็นช่องโหว่กฎหมายและการคุ้มครองสิทธิผู้ที่ได้รับความรุนแรง เช่น ขาดผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพที่มีความรู้ ทัศนคติ ความเชี่ยวชาญ, ขาดการช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูระยะยาว, ขาดสหวิชาชีพประสานงานข้ามหน่วยงานเป็นระบบ และขาดสถานการณ์ความรุนแรงที่เป็นข้อมูลปัจจุบัน


ขณะที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เปิดเผยว่า ความรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เฉลี่ยปีละ 1,564 คนต่อปี หรือ 130 คนต่อวัน มีปัจจัยจากยาเสพติด สุรา พนัน หย่าร้าง หึงหวง และความเครียดจากพิษเศรษฐกิจ ทำให้ สสส. ทำงานเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับปัญหาความรุนแรงในสังคมไทยอย่างเข้มข้น

นางภรณี กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน สสส. สานพลัง 7 ภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนงาน 3 ด้าน คือ 1.ขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติ เช่น จัดสวัสดิการให้เด็ก ผู้หญิง ครอบครัวที่ยากลำบาก ผลักดันนโยบายระดับอำเภอและจังหวัด ป้องกันและลดความรุนแรงต่อผู้หญิงในท้องถิ่น 2.ขับเคลื่อนความรู้และงานวิชาการ เช่น จัดทำคู่มือแนวทางช่วยเหลือผู้เสียหาย คู่มือพัฒนาทีมสหวิชาชีพ คู่มือคุ้มครองสวัสดิภาพคนในครอบครัว 3.ขับเคลื่อนการสื่อสารและพัฒนาภาคีเครือข่าย เช่น พัฒนาแกนนำผู้หญิง จิตอาสาที่เคยเจอความรุนแรง ช่วยเหลือเรื่องการต่อสู้คดีและการเยียวยา แต่นอกจากภาคประชาสังคมที่ร่วมกันผลักดัน การที่มีนโยบายที่ดีจะเป็นฟันเฟืองที่แข็งแกร่งในการทำให้ความรุนแรงหมดสิ้นหรือดีขึ้น

“เวทีดีเบตเลือกตั้ง 66 ครั้งนี้จะช่วยชี้ชะตาอนาคตในการแก้ปัญหาความรุนแรง ข้อสรุปต่างๆ จะเป็นเข็มทิศช่วยให้ สสส. สำรวจและขยายสถานการณ์ความรุนแรงทุกมิติร่วมกับภาคีเครือข่ายได้มากขึ้น เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายได้ตรงประเด็น และอุดรอยรั่ว ช่องโหว่ของกฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้ที่ได้รับความรุนแรงได้ตรงจุดและทำได้จริง ซึ่งแนวคิดจากพรรคการเมืองจะถูกนำมาเป็นฐานข้อมูลประกอบ สู่การพัฒนาสุขภาวะป้องกันความรุนแรงได้ต่อไปในอนาคต” นางภรณี กล่าว


ดร.วราภรณ์ แช่มสนิท เลขาธิการสมาคมเพศวิถีศึกษา กล่าวว่า ในการหาเสียงครั้งนี้เราไม่ค่อยได้ยินพรรคการเมืองพูดถึงแนวทางแก้ปัญหาความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัวอย่างจริงจังและเป็นระบบ ทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย ดังนั้น เครือข่ายจึงจัดเวทีรับฟังและมีข้อเสนอต่อพรรคการเมืองดังนี้

1.เร่งแก้ไขกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำรุนแรงของประเทศไทยให้เป็นไปตามหลักสากลว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง 2.ประกาศให้การขจัดปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว เป็นนโยบายเร่งด่วนระดับประเทศ และปรับปรุงแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาความรุนแรงฯ ให้มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ปฏิบัติได้จริง

3.จัดตั้งกลไกหลักระดับประเทศ เพื่อพัฒนาและบริหารจัดการระบบงานแก้ไขปัญหาความรุนแรง ปฏิบัติงานแบบสหวิชาชีพ พัฒนาระบบฟื้นฟูเยียวยาผู้ถูกกระทำในระยะยาว และแก้ไขพฤติกรรมผู้กระทำรุนแรง ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า 4.ปรับปรุงการบริหารกำลังคน เพิ่มผู้ปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาความรุนแรงให้เพียงพอ ครอบคลุมทุกวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง พร้อมเสริมทัศนคติ ความรู้ และทักษะที่จำเป็น
5.จัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเพียงพอ และสนับสนุนทรัพยากรแก่องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความรุนแรง 6.มีมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาความรุนแรงในระยะยาว ควบคู่กับการแก้ไขปัญหา .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

นายกฯ ปัดตอบ ผลสำรวจอยากให้ปรับ ครม.

“นายกฯ อิ๊งค์” ไม่ตอบคำถามผลสำรวจอยากให้ปรับ ครม. บอกพรุ่งนี้ตอบทีเดียว ก่อนแซว “ประเสริฐ” ปรับให้แล้ว เหตุพูดตำแหน่ง “จุลพันธ์” ผิด จาก รมช.คลัง เป็น รมช.มหาดไทย

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]