สถาบันสุขภาพเด็กฯ 25 เม.ย.-ปลัด สธ.แจง ช่วงโควิดระบาด เกิดปัญหา เด็กหลังขวบปีแรกไม่ได้เข้ารับวัคซีนพื้นฐาน ละเลยวัคซีนป้องกันตับอักเสบบี และหัด พร้อมห่วงใกล้ฤดูฝน เปิดเทอม เด็กติดเชื้อทั้งโควิดและไข้หวัดใหญ่ แนะควรรับวัคซีน เพื่อป้องกันติดเชื้อ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดกิจกรรม World Immunization Week 2023 : Vaccinne for Everyone “Episode 1 :สร้างภูมิปฐมวัย ทุกช่วงวันสุขภาพดี (Kids Vaccination) ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ว่า สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งการรณรงค์การฉีดวัคซีนทั่วโลก ทั้งการฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่และการฉีดวัคซีนในเด็ก ซึ่งวัคซีนในเด็กปัจจุบันมีทั้งหมด 11 ชนิดสามารถฉีดป้องกันโรครวมทั้งสิ้น 13 กลุ่มโลกด้วยกัน จากการระบาดของ โควิด-19 ใน 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้พบว่าการฉีดวัคซีนขั้นพื้นฐานในเด็กหลังขวบปีแรก ถูกละเลยหรือมองข้ามบางคนไม่พาบุตรหลานมารับวัคซีน เป็นในแต่ละช่วงวัยที่แตกต่างกัน อายุ 2 ปี, 4 ปี และ 5 ปี โดยวัคซีนที่พบว่าไม่นิยมมารับได้แก่ตับอักเสบบี และหัด ทั้งนี้หากไม่มารับในอนาคตหาก มีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นก็อาจรุนแรง มีประมาณ 10% แต่ส่วนใหญ่เกือบ 90% รับวัคซีนขั้นพื้นฐานได้ตามปกติและครบจำนวน สำหรับพื้นที่ที่พบว่าอัตราการรับวัคซีนต่ำได้แก่พื้นที่ติดชายแดนและพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
นพ.โอภาส กล่าวว่า อย่างไรก็ตามให้ เด็กเล็กที่ถึงวัยสมควรรับวัคซีนได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ปกติเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในอนาคต ขณะเดียวกันการรับวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มเด็กก็มีความจำเป็นเนื่องจากใกล้ฤดูฝนและใกล้เปิดเทอมสมควรได้รับทั้งนี้ปัจจุบันจะพบว่าคนส่วนใหญ่ 97% มีภูมิคุ้มกันจากโควิดแล้วทางภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ เบื้องต้นทางกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้มีการฉีดวัคซีนโควิดร่วมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในสิ้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งคนกลุ่มเสี่ยง 608 รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ และ อสม. มาชมารับวัคซีนได้ในสถานพยาบาลทุกแห่งที่กำหนดโดยการรับวัคซีนโควิดขณะนี้ถือเป็นการรับวัคซีนตามฤดูกาลเหมือนกับลักษณะไข้หวัดใหญ่หนึ่งปีรับหนึ่งเข็มเท่านั้นเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
นพ.ทวี โชติพิทยะสุนนท์ ผู้ทรงคุณกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า สามปีที่ผ่านมาเราเรียนรู้เรื่องของการเจ็บป่วยและการป้องกัน โควิด-19 ว่าเป็นโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ที่ผ่านมาเกิดการกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่เช่นกันที่มีการกลายพันธุ์และมีหลายสายพันธุ์ ขณะนี้เข้าใกล้สู่ฤดูฝนและช่วงเวลาเปิดเทอม ของเด็กนักเรียน จากการ ข้อมูลพบว่าก่อนสงกรานต์พบการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มากถึง 15% โควิด-19 แค่ 3% เท่านั้น แต่หลังสงกรานต์กลับพบว่าสถานการณ์โควิดพุ่งสูง 10 ถึง 15% และก็เชื่อว่าไข้หวัดใหญ่ก็น่าจะพุ่งสูงเช่นกันเนื่องจากสภาวะอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงจากร้อนเข้าสู่ ภาวะอากาศชื้น ทำให้ง่ายต่อการแพร่กระจายโรคอีกครั้งเด็กนักเรียนถือเป็นแหล่งของการแพร่เชื้อได้เป็นอย่างดี ดังนั้นก่อนที่จะมีการเปิดเทอมควรพาบุตรหลานไปรับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคเพราะการจำกัดพื้นที่ของเด็กหรือบังคับสวมใส่หน้ากากเป็นเรื่องกระทำได้ยากเหมือนจับปูใส่กระด้ง
นพ.ทวี กล่าวว่า สำหรับผู้ใหญ่การรับวัคซีน โควิด-19 และไข้หวัดใหญ่หากมีการฉีดพร้อมกันนั้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลกระทบข้างเคียงนอกจากแค่เจ็บแขนเพียงแต่สะดวกมากยิ่งขึ้นและประสิทธิภาพของวัคซีนสามารถดำเนินควบคู่กันได้อย่างไม่มีปัญหา ที่ผ่านมามีการศึกษาและมีการวิจัยผลกระทบอย่างชัดเจนว่าไม่ได้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่มีความกังวล เชื้อไวรัส โควิด สายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 จะทำให้มีอาการรุนแรงหรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นอาการตาแดง ตาแฉะนั้น จากการรวบรวมข้อมูลและติดตามการรักษาผู้ป่วยพบว่าขณะนี้ยังไม่พบปัญหาตาแดงตาแฉะในผู้ป่วย โควิด-19 ในกลุ่มเด็กแต่มีรายงานพบในผู้ใหญ่อย่างไรก็ตามหากใกล้เปิดเทอมหรือพบว่าเด็กมีอาการป่วยก็ควรให้หยุดอยู่กับบ้านไม่ควรไปโรงเรียนเพราะจะเป็นการแพร่เชื้อให้กับเพื่อนและเพื่อนก็จะนำเชื้อไปสู่ครอบครัวขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น และให้แพทย์พยายามสังเกต หากสงสัยมีอาการตาแดงตาแฉะและมีอาการคล้ายไข้หวัดร่วม ให้ตรวจATK พร้อมย้ำว่าการรับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นควรทำในกลุ่มคนสูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงรวมถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนมานานแล้ว 6 เดือน
นพ.ทวี กล่าวว่า คาดในปีนี้สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่จะรุนแรงหลังจาก2-3 ปี ที่ผ่านมา สงบ เพราะคนไม่เดินทาง สวมหน้ากาก ทำให้ไม่พบการแพร่ โดยให้ข้อสังเกตว่าในช่วงหน้าแล้งสถานการณ์การติดเชื้อ ไข้หวัดใหญ่ยังพบรุนแรงจำนวน ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่ หากเข้าสู่ฤดูฝนสถานการณ์รถหายไปชื้น เข้ามาแทนที่ จะยิ่งทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ส่วนภูมิคุ้มกันโควิด-19 ใน 2-3 ปี ที่ผ่านมา มีการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นต่อเนื่องอีกทั้งร่างกายจดจำภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีจึงอาจไม่น่ากังวลในสำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608 ยังคงต้องรับวัคซีนร่วมกันทั้ง 2 เข็มทั้งไข้หวัดใหญ่และโควิด 19.-สำนักข่าวไทย