กรุงเทพฯ 5 เม.ย. – ปลัด กทม.ลงนาม ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงหัวหน้าฝ่ายรายได้เขตเรียกรับเงินสินบนเลี่ยงจ่ายภาษี ระหว่างนี้ให้พักราชการและให้ออกจากราชการก่อนได้
นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงหลังมีการจับกุมหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยมิชอบเพื่อกระทําการมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” กรณีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีรายได้เป็นจำนวนเงิน 3.2 ล้านบาท ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยระบุว่าล่าสุดเช้านี้ปลัดกทม.ลงนาม ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่รายนี้แล้ว โดยระหว่างนี้ให้ย้ายเข้ามาสำนักปลัด กทม. และอีก 2-3 วัน จะดำเนินการพักราชการไว้ก่อน ซึ่งตามกรอบกระบวนการสอบ ได้ 120 วัน หากระหว่างนี้เห็นว่าการดำเนินการจะไม่เสร็จสิ้นได้โดยเร็ว ก็สามารถให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้ ส่วนการดำเนินการทางอาญา ก็เป็นไปตามกฎหมาย
รองปลัด กทม. กล่าวว่า เคสนี้จากความร่วมมือของ (ปปช. /ปปท./ปปง./ปปป.) ที่ได้รับเบาะแสมาจึงติดตามและทำการล่อซื้อ โดยเป็นความผิดชัดแจ้ง มีทั้งฐานทั้งคลิปวิดีโอ คลิปเสียง ภาพเงิน กระบวนการการจับ จากการพูดคุยกับผู้อำนวยการเขตบอกว่า หัวหน้าฝ่ายรายได้รายนี้เป็นระดับ ผอ.ฝ่ายจัดเก็บรายได้ ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องออกไปดำเนินการเอง และทราบว่า ผู้ประกอบการรายนี้ทำธุรกิจโรงแรม มีหลายสาขาในเขตราชเทวี ผู้ประกอบการมีความประสงค์จ่ายภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับถูกเรียกเก็บ เขาจึงมองว่าไม่เป็นธรรมจึงไปร้องตำรวจ เป็นที่มาของการล่อซื้อดังกล่าว
รองปลัด กทม.กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องของการเก็บตามกฎหมายภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งตอนนี้ยกเลิกไปแล้วแต่ยังมีผลให้เก็บย้อนหลังได้ 7 ปี หากที่ผ่านมารายใดยังเก็บไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมีการบังคับใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มาช่วยแก้ปัญหา ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงาน ที่เดิมกฎหมายเก่าเปิดช่องเยอะ กฎหมายใหม่ จึงเข้ามาอุดช่องโหว่
เรื่องการทุจริตใน กทม. นั้น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้เน้นย้ำมาตลอด และมีการตั้งศูนย์ต่อต้านการทุจริตกับ ปปท.ร่วมกับซึ่งที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการและตรวจสอบอย่างเข้มข้นโดยประชาชนที่ได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนมายังทราฟฟี่ฟองดูได้ ซึ่งจะปิดบังชื่อผู้แจ้ง ขอให้ประชาชนสบายใจได้ ซึ่งจากการตั้งศูนย์ต่อต้านการทุจริตมา ก็เข้าไปตรวจสอบทั้งในกระบวนกการจัดเก็บรายได้ การออกใบอนุญาต การจัดซื้อต่างจัดจ้างต่าง ๆ ใน กทม.ให้มีความโปร่งใส หากพบใครทำผิดแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งดังกล่าวแล้วแต่คดียังมีอายุความสามารถเอาผิดย้อนหลังได้
นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์หลังกรณีที่หัวหน้าฝ่ายรายได้ เขตราชเทวี เรียกรับผลประโยชน์ 3.2 ล้านบาท แลกกับไม่ภาษีโรงเรือน 4 ล้านบาท โดยรองปลัดฯ กล่าว วันนี้ได้เซ็นตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยมีผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตที่ดูแลพื้นที่เขตราชเทวี โดยกำหนดกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย 120 วัน โดยในวันนี้ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอความเห็นชอบย้ายข้าราชการรายนี้มาประจำที่สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร เพื่อรอการสอบข้อเท็จจริง และภายในวันศุกร์นี้จะเซ็นคำสั่งพักราชการ จนกว่าการสอบสวนจะสิ้นสุด หากไม่มีความผิดก็กลับไปปฎิบัติงานเช่นเดิม แต่หากมีความผิดก็จะดำเนินลงโทษ ซึ่งทางวินัยมีอยู่ 2 แนวทาง คือ ปลดออก กับ ไล่ออก ทั้งนี้ในระหว่างพักราชการ จะไม่ได้รับเงินเดือน ส่วนคำกล่าวอ้างของข้าราชการคนดังกล่าวที่ระบุว่าจะต้องนำเงินไปแบ่งให้กับคณะกรรมการรายอื่นนั้นนายขจิต ระบุว่า ก็ต้องอยู่ในการสอบสวนของคณะกรรมการที่จะต้องสืบไปในประเด็นต่างๆ ต่อไป หากสาวไปถึงใครก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวย้ำอีกว่า เรื่องการปราบปรามทุจริตเป็นหนึ่งในโยบายหลักของผู้ว่าฯ กทม. ที่ต้องการให้กรุงเทพมหานครมีความโปร่งใส ยุติธรรม. -สำนักข่าวไทย