4 เม.ย. – แพทย์เตือนภัยที่มากับหน้าร้อน ภาวะฮีสโตรก หรือโรคลมแดด พร้อมแนะวิธีป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้น อาทิ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าที่ร่ม, ถอดเสื้อผ้าให้ร่างกายระบายความร้อน นำผ้าเปียกวางตามร่างกายผู้ป่วย เช็ดตามข้อพับต่างๆ เปิดพัดลมระบายความร้อน พร้อมกับโทร 1669 ของความช่วยเหลือ
จากประเทศไทยมีรายงานมีผู้เสียชีวิตจากภาวะอากาศร้อนระหว่างเดือนมีนาคม ถึงพฤษภาคมของปี 2558-2562 โดยเฉลี่ยในแต่ละปีถึง 43 ราย นอกจากนี้รายงานจากต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน เนื่องด้วยสภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น จึงส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ การเจ็บป่วยฮีสโตรก (Heatstroke) เป็นภาวะฉุกเฉินที่เกิดจากความร้อนอย่างหนึ่ง ที่อันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเกิดจากการที่ร่างกายสูญเสียกลไกการปรับระดับอุณหภูมิในร่างกายไป ส่งผลให้ร่างกายมีอุณภูมิสูงมากเกินไปจนทำให้ระบบอวัยวะภายในร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ กล้ามเนื้อ เสียหายและไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ เกิดความดันตก หัวใจวาย ปวดบวมน้ำ ไตวาย และเสียชีวิตได้ในที่สุดหากไม่รับการรักษาอย่างทันท่วงที
นพ.อดิศักดิ์ งามขจรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวเพิ่มเติมว่าระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค.ของทุกปีเป็นช่วงเวลาที่มีรายงานอากาศร้อนที่สุด เป็นปัจจัยทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด Heatstroke นอกจากนี้ยังพบรายงานปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ นักกีฬา ทหารเกณฑ์ หรือผู้ที่ทำงานในสภาพอากาศที่มีความร้อนชื้น ภาวะ Heatstroke อาจเกิดจากยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาเสพติด และยารักษาโรคทางจิตเวช
แพทย์หญิงวริษฐา เอกเมธีพันธ์ แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฉุกเฉินโรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการเจ็บป่วยที่ควรสงสัยภาวะ Heatstroke ได้แก่ 1) อุณหภูมิในร่างกายสูงมากกว่า 40.5°C 2) มีความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น ซึมลง หมดสติ กระวนกระวาย เพ้อสับสน หรือชักได้ 3) ผิวหนังร้อนและแห้ง เนื่องจากไม่สามารถสร้างเหงื่อเพื่อลดอุณหภูมิได้ แต่ในระยะเริ่มต้นของภาวะ Heatstroke ผู้ป่วยยังสามารถมีเหงื่อได้อยู่ ดังนั้นหากพบความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรพาผู้ป่วยออกจากการอยู่กลางแจ้ง และปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วส่งพบแพทย์ทันที
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทำได้ดังนี้ รีบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าที่ร่มและอากาศถ่ายเทได้ดี ถอดเสื้อผ้าผู้ป่วยออกให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ร่างกายได้ระบายความร้อน นำผ้าเปียกวางตามร่างกายผู้ป่วย เช็ดตามข้อพับต่างๆ เพื่อทำให้อุณหภูมิเย็นลง เปิดพัดลมเพื่อระบายความร้อน พร้อมกับโทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1669 เพื่อนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล หากผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวควรทำการนวดหัวใจควบคู่ไปกับการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ AED และทำตามคำแนะนำจากปลายสายผู้ให้บริการที่เบอร์ 1699
การป้องกันภาวะ Heatstroke ทำได้ดังนี้ ควรสวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ระบายความร้อนได้ดี และน้ำหนักเบา หลีกเลี่ยงแดดหรือสถานที่ที่มีอุณหภูมิร้อนจัด ดื่มน้ำให้เพียงแม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง แนะนำให้จัดในช่วงเช้าหรือเย็น เนื่องจากช่วงกลางวันเป็นช่วงที่ร้อนสูงสุด หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทั้งก่อนและขณะต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง เนื่องจากแอลกอฮอล์ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น. -สำนักข่าวไทย