รวมพลัง “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน”

กทม. 26 มี.ค.-กทม. จับมือภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน รวมพลัง “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน” (60+ Earth Hour) ครั้งนี้ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 36 เมกะวัตต์ ลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 5.2 ตัน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน “Energy เอเนอจิ้น : จินตนาการเพื่อพลังงานที่เป็นมิตรต่อชีวิตและโลก” ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ERI) องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และภาคีเครือข่าย ภายใต้ การดำเนินงานโครงการพลังงานสะอาดเข้าถึงได้และมั่นคง สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Clean, Affordable, and Secure Energy for Southeast Asia: CASE) จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.66)


“เรื่องสิ่งแวดล้อม โลกร้อน ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ปีที่แล้วในพื้นที่กทม.มีฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ย 2 เท่า รวมทั้งกทม.ยังเป็น1ใน10 เมืองที่จะได้รับผลกระทบจากโลกร้อน ดังนั้นเราจึงต้องมาร่วมกันทำให้สถานการณ์ของกทม.ดีขึ้น ทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนที่ลดลง ลดการใช้พลังงาน เปลี่ยนจากใส่สูท ลดอุณหภูมิเมื่อเปิดแอร์ ลดการใช้รถที่ใช้น้ำมัน และใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น สำหรับกิจกรรมปิดไฟปีที่แล้วถือว่าได้ผลดี สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 78 เมกะวัตต์ และลดปริมาณคาร์บอนได้ 20 ตัน ในขณะที่แต่ละปีเราผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 40 ล้านตัน จึงต้องพยายามให้มากขึ้น ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดจากความตระหนักรู้ ทุกคนต้องรู้จัดNet zaro รู้จักCarbon เมื่อเรารู้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ สุดท้ายทั้งหมดจะไม่ได้อยู่ในจินตนาการ และอาจจะกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ มีช่องทางเศรษฐกิจสร้างรายได้ ขอให้ทุกคนตระหนักรู้ และร่วมกันให้จริงจัง” ผู้ว่าฯชัชชาติ กล่าว

สำหรับงาน “Energy เอเนอจิ้น : จินตนาการเพื่อพลังงานที่เป็นมิตรต่อชีวิตและโลก” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 26 มีนาคม 2566 เวลา 16.30 – 21.30 น. ณ บริเวณลานด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน เพื่อเปิดมุมมองเรื่องการใช้พลังงานในเมือง พร้อมทั้งรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักและเห็นความสำคัญของการลดการใช้พลังงาน และมีส่วนร่วมการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่ระบบพลังงานคาร์บอนต่ำ หนึ่งในกิจกรรมสำคัญในงาน คือ กิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน” (60+ Earth Hour 2023) ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย รณรงค์และเชิญชวนผู้ประกอบการ ร้านค้า และประชาชน ลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับเมืองต่าง ๆ กว่า 7,000 เมือง 190 ประเทศทั่วโลก ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2566 ระหว่างเวลา 20.30 – 21.30 น. ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ผู้ประกอบการ เจ้าของอาคาร สถานที่ ให้ความร่วมมือปิดไฟในช่วงดังกล่าว รวมถึง 5 Landmark หลัก ได้แก่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เสาชิงช้า สะพานพระราม 8 และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) ได้ร่วมปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ด้วย ซึ่งจากการคำนวณปริมาณการใช้ไฟฟ้าช่วงเวลาดังกล่าวในพื้นที่กรุงเทพฯ ในวันนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง พบว่า กิจกรรม #ปิดไฟ 1ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ในครั้งนี้สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 36 เมกะวัตต์ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 5.2 ตัน หรือเทียบกับเที่ยวบินกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ จำนวน 43 เที่ยวบิน หรือการใช้รถยนต์ดีเซลเท่ากับ 31,200 กิโลเมตรหรือเทียบกับการปิดไฟครัวเรือน 23,400 ครัวเรือน


กรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก จึงได้รณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนและทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในกิจกรรมที่ดำเนินการคือกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน รณรงค์ในกิจกรรมดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2551 ผลจากการจัดกิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour) เมื่อปี 2565 ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 78 เมกกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการปัญหาโลกร้อนได้ 20 ตัน และคิดเป็นมูลค่า 176,172 บาท และจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2551 – 2565 สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 22,476 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการปัญหาโลกร้อนได้ 12,255 ตัน คิดเป็นมูลค่า 81 ล้านบาท นอกจากนี้จากความร่วมมือของภาคีเครือข่าย 25 หน่วยงาน ที่ร่วมประกาศเจตจำนง กับกรุงเทพมหานครในการร่วมดำเนินการลดภาวะโลกร้อน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านการขนส่งมวลชน 2. ด้านพลังงาน 3. ด้านพื้นที่สีเขียว และ 4. ด้านการจัดการขยะมูลฝอย ผลการดำเนินงานในปี 2565 สามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย ด้านขนส่งมวลชน 1,485.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ด้านพลังงาน 23,594.1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ด้านการจัดการมูลฝอย 1,140.9 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และด้านพื้นที่สีเขียวที่ช่วยในการดูดซับก๊าซ 68.7 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า รวมปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกของ 25 หน่วยงาน 26,289.3 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ รายงานตัวต่อสภาแล้ว

รัฐสภา 10 ก.ย.- “3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ “ทิพานัน-พล.ต.อ.อัศวิน-รุ่งเรือง” รายงานตัวต่อสภาแล้ว พร้อมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประเทศ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตามประกาศสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายสุชาติ ชมกลิ่น ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายสุชาติ สิ้นสุดลง จึงประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ เลื่อนขึ้นมาเป็น สส. แทน โดย น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การเป็น สส. คือผู้แทนของประชาชน วันนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ได้เป็นตัวแทนในการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งการมีกฎหมายที่ถูกต้องชัดเจนเป็นเรื่องที่ดี และจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด ทั้งนี้มีกฎหมายที่ต้องอยากขับเคลื่อนโดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น เรื่องอากาศที่มีผลกระทบกับคนไทย นอกจากนี้ยังมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายธนกร วังบุญคงชนะ ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายธนกร […]

จับตา! ประชุม GBC “ไทย-กัมพูชา” ที่เกาะกง

10 ก.ย.- “ไทย-กัมพูชา” เปิดโต๊ะเจรจา GBC สมัยพิเศษ ที่จังหวัดเกาะกง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะผู้แทนระดับสูง ร่วมหารือสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง ลดความตึงเครียด และเดินหน้ามาตรการสร้างสันติสุขชายแดน พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และว่าที่รัฐมนตรีกลาโหม นำคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี คณะผู้แทนประกอบด้วย พลเอก ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม, พลอากาศเอก นนทรี อินทรสาลี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านกิจการความมั่นคงภายใน, นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พลเอก กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม, พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก, พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ และพลอากาศเอก วชิระพล […]

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟล้ม 24 ต้น ทำไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้าพัง

เชียงใหม่ 8 ก.ย.-วินาศสันตะโร กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟฟ้าล้ม 24 ต้น บนถนนหนองฮ่อ อ.เมืองเชียงใหม่ ทำให้ไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้ากว่า 10 หลัง พังเสียหาย ส่วนรถเสียหายนับสิบคัน ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง อุบัติเหตุเกิดขึ้นช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังรถกระบะบรรทุกน้ำดื่มเอกชนพุ่งชนเสาไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ก่อนถึง สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ประมาณ 300 เมตร โดยรถกระบะได้พุ่งชนเสาไฟฟ้าจนหักโค่นลงมา ก่อนที่รถจะเกี่ยวเข้ากับสายไฟลากไปอีกหลายสิบเมตร ทำให้สายไฟถูกดึงจนทำให้เสาไฟฟ้าโค่นล้มต่อๆ กันลงมาขวางถนนรวมแล้วกว่า 24 ต้น เสาไฟกิ่งเสียหาย 25 ต้น ทับบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าพังเสียหายกว่า 10 หลัง และยังมีรถยนต์ที่จอดไว้ในบ้าน ริมถนน และที่ขับผ่านมา ถูกทับเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 10 คัน นอกจากนี้สายไฟฟ้าที่ถูกดึงจนขาดยังทำให้เกิดเพลิงไหม้ร้านอาหารบริเวณดังกล่าวจนวอดเสียหายเกือบทั้งหมด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างและสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ขณะที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถกระบะสีขาว เป็นรถขนส่งน้ำดื่มอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับ ถังน้ำดื่มตกเกลื่อน พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 คน เป็นพนักงานขับรถและคนงานที่นั่งมาด้วย เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำออกมาจากรถนำส่งโรงพยาบาล โดยพนักงานที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่ต้องปั๊มหัวใจก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาล […]