รวมพลัง “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน”

กทม. 26 มี.ค.-กทม. จับมือภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน รวมพลัง “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน” (60+ Earth Hour) ครั้งนี้ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 36 เมกะวัตต์ ลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 5.2 ตัน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน “Energy เอเนอจิ้น : จินตนาการเพื่อพลังงานที่เป็นมิตรต่อชีวิตและโลก” ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ERI) องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และภาคีเครือข่าย ภายใต้ การดำเนินงานโครงการพลังงานสะอาดเข้าถึงได้และมั่นคง สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Clean, Affordable, and Secure Energy for Southeast Asia: CASE) จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.66)


“เรื่องสิ่งแวดล้อม โลกร้อน ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ปีที่แล้วในพื้นที่กทม.มีฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ย 2 เท่า รวมทั้งกทม.ยังเป็น1ใน10 เมืองที่จะได้รับผลกระทบจากโลกร้อน ดังนั้นเราจึงต้องมาร่วมกันทำให้สถานการณ์ของกทม.ดีขึ้น ทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนที่ลดลง ลดการใช้พลังงาน เปลี่ยนจากใส่สูท ลดอุณหภูมิเมื่อเปิดแอร์ ลดการใช้รถที่ใช้น้ำมัน และใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น สำหรับกิจกรรมปิดไฟปีที่แล้วถือว่าได้ผลดี สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 78 เมกะวัตต์ และลดปริมาณคาร์บอนได้ 20 ตัน ในขณะที่แต่ละปีเราผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 40 ล้านตัน จึงต้องพยายามให้มากขึ้น ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดจากความตระหนักรู้ ทุกคนต้องรู้จัดNet zaro รู้จักCarbon เมื่อเรารู้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ สุดท้ายทั้งหมดจะไม่ได้อยู่ในจินตนาการ และอาจจะกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ มีช่องทางเศรษฐกิจสร้างรายได้ ขอให้ทุกคนตระหนักรู้ และร่วมกันให้จริงจัง” ผู้ว่าฯชัชชาติ กล่าว

สำหรับงาน “Energy เอเนอจิ้น : จินตนาการเพื่อพลังงานที่เป็นมิตรต่อชีวิตและโลก” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 26 มีนาคม 2566 เวลา 16.30 – 21.30 น. ณ บริเวณลานด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน เพื่อเปิดมุมมองเรื่องการใช้พลังงานในเมือง พร้อมทั้งรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักและเห็นความสำคัญของการลดการใช้พลังงาน และมีส่วนร่วมการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่ระบบพลังงานคาร์บอนต่ำ หนึ่งในกิจกรรมสำคัญในงาน คือ กิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน” (60+ Earth Hour 2023) ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย รณรงค์และเชิญชวนผู้ประกอบการ ร้านค้า และประชาชน ลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับเมืองต่าง ๆ กว่า 7,000 เมือง 190 ประเทศทั่วโลก ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2566 ระหว่างเวลา 20.30 – 21.30 น. ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ผู้ประกอบการ เจ้าของอาคาร สถานที่ ให้ความร่วมมือปิดไฟในช่วงดังกล่าว รวมถึง 5 Landmark หลัก ได้แก่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เสาชิงช้า สะพานพระราม 8 และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) ได้ร่วมปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ด้วย ซึ่งจากการคำนวณปริมาณการใช้ไฟฟ้าช่วงเวลาดังกล่าวในพื้นที่กรุงเทพฯ ในวันนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง พบว่า กิจกรรม #ปิดไฟ 1ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ในครั้งนี้สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 36 เมกะวัตต์ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 5.2 ตัน หรือเทียบกับเที่ยวบินกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ จำนวน 43 เที่ยวบิน หรือการใช้รถยนต์ดีเซลเท่ากับ 31,200 กิโลเมตรหรือเทียบกับการปิดไฟครัวเรือน 23,400 ครัวเรือน


กรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก จึงได้รณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนและทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในกิจกรรมที่ดำเนินการคือกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน รณรงค์ในกิจกรรมดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2551 ผลจากการจัดกิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour) เมื่อปี 2565 ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 78 เมกกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการปัญหาโลกร้อนได้ 20 ตัน และคิดเป็นมูลค่า 176,172 บาท และจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2551 – 2565 สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 22,476 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการปัญหาโลกร้อนได้ 12,255 ตัน คิดเป็นมูลค่า 81 ล้านบาท นอกจากนี้จากความร่วมมือของภาคีเครือข่าย 25 หน่วยงาน ที่ร่วมประกาศเจตจำนง กับกรุงเทพมหานครในการร่วมดำเนินการลดภาวะโลกร้อน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านการขนส่งมวลชน 2. ด้านพลังงาน 3. ด้านพื้นที่สีเขียว และ 4. ด้านการจัดการขยะมูลฝอย ผลการดำเนินงานในปี 2565 สามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย ด้านขนส่งมวลชน 1,485.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ด้านพลังงาน 23,594.1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ด้านการจัดการมูลฝอย 1,140.9 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และด้านพื้นที่สีเขียวที่ช่วยในการดูดซับก๊าซ 68.7 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า รวมปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกของ 25 หน่วยงาน 26,289.3 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ