กรมควบคุมโรคเผยฝุ่น PM 2.5 ปีนี้มีแนวโน้มสูงขึ้น

31 ม.ค. – กรมควบคุมโรคแนะประชาชนตรวจสอบคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน เนื่องจากในช่วงนี้มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ และโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้ในหลายพื้นที่มีรายงานค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคหืด ภูมิแพ้ หากได้รับฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกาย อาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป

สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในประเทศไทย 3 ปีย้อนหลัง พบว่ามีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) ในช่วงรอยต่อฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน คือตั้งแต่เดือนธันวาคม-เมษายน และจากข้อมูลของศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ ในวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา พบพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินค่ามาตรฐาน ในบางจังหวัดทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยคุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีส้ม)


นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอแนะนำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก (PM2.5) เกินค่ามาตรฐาน ควรเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลต่อสุขภาพมากกว่าคนทั่วไป ได้แก่ กลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ กลุ่มโรคหัวใจ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวนี้อาจจะมีโอกาสเกิดอาการกำเริบมากขึ้นได้ และสำหรับกลุ่มที่มีโอกาสสัมผัสฝุ่นอย่างต่อเนื่อง เช่น ตำรวจจราจร คนขับรถสาธารณะ คนกวาดถนน คนทำงานในที่โล่งแจ้ง ควรดูแลสุขภาพ ป้องกันตนเอง และสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ขอความร่วมมือประชาชนติดตามสถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 จากเว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษ http://air4thai.pcd.go.th/ หรือผ่านทางแอปพลิเคชัน Air4Thai เพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศ ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินค่ามาตรฐาน ควรปิดบ้านเรือนให้มิดชิดไม่เปิดประตูหน้าต่างโดยไม่จำเป็น และหากจำเป็นต้องออกจากบ้าน หรือเมื่อไปในพื้นที่ที่มีระดับฝุ่นขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินค่ามาตรฐาน ขอให้สวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นขนาดเล็ก (PM 2.5) เช่น หน้ากาก N95 หรือหน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่นขนาดเล็กได้ตลอดเวลาที่อยู่ภายนอกอาคาร พร้อมทั้งดูแลสุขภาพตนเอง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองคอ แสบคอ หากมีอาการไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ใจสั่น ระคายเคืองตา หรือมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ