ไทยรับมือโควิดได้ดี ภาพรวมส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้า

กทม. 27 ม.ค.- กรมควบคุมโรค เผยไทยรับมือโควิดได้ดีผลงานเป็นที่ชื่นชมขององค์การอนามัยโลกและนานาชาติ ภาพรวมโครงการส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมชี้แจงเหตุผลต่อรายงานการตรวจสอบของ สตง.


ตามที่มีข่าวเผยแพร่ในสื่อฉบับหนึ่งว่า สตง. เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพโครงการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด 19 ที่กรมควบคุมโรคดำเนินการ กรมควบคุมโรคขอชี้แจงว่าโครงการส่วนใหญ่สำเร็จเรียบร้อยตามแผน มีเพียงส่วนน้อยที่ล่าช้าและขอยกเลิก เน้นย้ำการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและคุ้มค่าสอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

วันนี้ (27 มกราคม 2566) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตามที่มีสื่อฉบับหนึ่งลงข่าว สตง. เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพโครงการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินโควิดที่กรมควบคุมโรครับผิดชอบมีการดำเนินงานล่าช้านับปีและรับมือโควิดเหลว จึงขอให้ข้อมูลว่าประเทศไทยได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกและนานาประเทศในเรื่องของความสำเร็จในการบริหารจัดการวิกฤติโควิด 19 โดยมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) จัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 5 จาก 195 ประเทศ​ที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงด้านสุขภาพในระดับชั้นนำ สะท้อนด้วยผลงานของประเทศที่มีระบบการสาธารณสุขที่เข้มแข็งและมีอัตราป่วยและเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศทั่วโลก โดยกรมควบคุมโรคเป็นหน่วยงานสาธารณสุขที่มีภารกิจหลักในการจัดการกับการระบาดของโควิด 19 ภายใต้การทำงานในภาวะฉุกเฉินที่มีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลากว่า 3 ปี


นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า ตามที่รัฐบาลอนุมัติให้มีแผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข วงเงินจัดสรรทั้งสิ้น 63,402.41 ล้านบาท ที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ และมีผลเบิกจ่าย ณ วันที่ 6 มกราคม 2566 ทั้งสิ้น 58,840.11 ล้านบาท คิดเป็น 92.8% โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สุ่มตรวจสอบการใช้งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งสิ้น 4 โครงการ วงเงิน 1.5 พันล้านบาท ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 รับผิดชอบโดยกรมควบคุมโรคจำนวน 2 โครงการ คือ 1) โครงการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเนื่องมาจากการระบาดของโรคโควิด ซึ่งดำเนินกิจกรรมจัดเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน รับมือกับการระบาดของโรคโควิด จากเอกสารรายงานผลการเบิกจ่ายเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 พบว่า โครงการในภาพรวมสามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยตามแผนจำนวน 88 รายการจากที่ได้รับอนุมัติ 99 รายการ สูงเกือบ 90% โดยมีเพียง 10 รายการที่ช้ากว่าแผน และมี 1 รายการที่ขอยกเลิก คือ การจัดหาเครื่องอ่านหนังสือเดินทางอัตโนมัติ สาเหตุเนื่องจากไม่มีผู้ยื่นเสนอราคา ซึ่งแม้ต่อมาจะเปลี่ยนวิธีจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจง แต่บริษัทแจ้งว่าราคาท้องตลาดสูงกว่าราคากลาง สำหรับรายการที่ล่าช้า 10 รายการ ขอขยายเวลาดำเนินการต่อ 8 เดือน เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นระบบไอทีเกี่ยวข้องกับการป้องกันควบคุมโรคที่ต้องพัฒนาขึ้นใหม่ตามลักษณะการใช้งาน และจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ระบาด อย่างไรก็ตาม ผลงานในภาพรวมของโครงการไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด 19 ที่อาศัยความร่วมมือในการทำงานหลายภาคส่วนประกอบกันในภาวะฉุกเฉินและ 2) โครงการค้นหาเชิงรุกสำหรับกลุ่มเสี่ยงของโรคโควิดในระดับพื้นที่ มีการยกเลิกการจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย (Biosafety Mobile Unit) ที่มีวัตถุประสงค์ใช้สนับสนุนการเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ PCR เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนนโยบายและมาตรการตรวจหาเชื้อโควิด มาเป็นวิธีการตรวจ Antigen Test Kit (ATK) แทน PCR ในช่วงครึ่งปีหลังของพ.ศ. 2564 ด้วยสถานการณ์ระบาดที่เปลี่ยนไปและประกอบกับประชาชนฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก จึงได้ยกเลิกรายการดังกล่าวที่ไม่จำเป็นต่อสถานการณ์ที่มีการตรวจ PCR ลดลงมาก และงบประมาณส่วนนี้ส่งคืนไปใช้ในโครงการอื่นที่มีความจำเป็นมากกว่า นับเป็นการบริหารงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ

ส่วนอีก 1 รายการเป็นการจัดหารถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ ซึ่งเป็นรถที่ต้องมีการประกอบขึ้นเพื่อรองรับภารกิจเฉพาะ ไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายในท้องตลาด การผลิตต้องนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์บางรายการเข้ามาประกอบภายในประเทศ ในขณะที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิดทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตและเวลาที่ใช้ในการจัดส่งอุปกรณ์ระหว่างประเทศ มีความล่าช้าในการส่งมอบครุภัณฑ์ จำเป็นต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายและขยายระยะเวลาโครงการออกไป 8 เดือน ทั้งนี้ ขณะเริ่มต้นโครงการถูกจำกัดระยะเวลาดำเนินงานภายใต้ พ.ร.ก.เงินกู้ เพียง 6 เดือน (กค-ธค 64) หลังได้รับการอนุมัติ ซึ่งบทเรียนในครั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้ให้ข้อเสนอแนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับปรุงกระบวนการอนุมัติงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้างในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับการทำงานในภาวะเร่งด่วน รวมทั้งกระบวนการตรวจสอบการดำเนินงานในภาวะฉุกเฉินควรคำนึงถึงภาระงานของบุคลากรที่เพิ่มขึ้นในสถานการณ์วิกฤติที่ยากจะควบคุมขั้นตอนต่างๆ ให้เสร็จตามกำหนดเวลาดังเช่นในภาวะปกติ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าควักหัวใจ

รวบชายชาวจีนฆ่าโหดคู่ขา กรีดหน้าอก ควักหัวใจ-ปอด

ตำรวจรวบชายชาวจีน ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าขู่ขาหมกห้องน้ำอพาร์ตเมนต์ กลางเมืองพัทยา พบร่องรอยถูกกรีดหน้าอก ควักหัวใจ ปอดหายไปข้างหนึ่ง

อุทาหรณ์! จอดรถยนต์ติดเครื่องไว้ เจอขโมยขับหนีหาย

อากาศร้อนเป็นเหตุ หนุ่มสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์รถยนต์จอดไว้ ก่อนลงไปซื้อของ เดินออกมาอีกที เจอคนขโมยรถ ขับหนีหายไปแล้ว

ดับแล้ว 8 ราย รถชนบนมอเตอร์เวย์ อัดก๊อปปี้พังยับ

เกิดอุบัติเหตุใหญ่ช่วงกลางดึก บนมอเตอร์เวย์ สาย 7 มุ่งหน้าชลบุรี รถเทรลเลอร์ 2 คัน กับเอสยูวีอีก 1 คัน คนในรถเอสยูวี เสียชีวิต 8 ราย

ข่าวแนะนำ

ราคาไข่ไก่พุ่งไม่หยุด เจ้าของร้านขนมไทยโอด ต้นทุนสูง กำไรลด

พุ่งไม่หยุด! ไข่ไก่ปรับขึ้นอีก ถือเป็นการปรับราคาครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน กระทบการค้าที่ใช้ไข่ไก่เป็นวัตถุดิบ เจ้าของร้านขายขนมไทย โอดต้นทุนสูง กำไรลด กำลังซื้อหดหาย แทบอยู่ไม่ได้

นายกฯ สวมเสื้อศรีโคตรบูร สักการะพญาศรีสัตตนาคราช

นายกฯ สวมเสื้อศรีโคตรบูร เผยอาการป่วยดีขึ้นแล้ว ก่อนสักการะพญาศรีสัตตนาคราช พร้อมจุดเรือไฟบก ผลักดันสู่ประเพณีไหลเรือไฟโลก ด้านประชาชนตะโกน ขอบคุณที่มานครพนม

ครบ 1 เดือน ตึก สตง.ถล่ม ทุกร่างต้องได้กลับบ้าน

บรรดาญาติๆ ของแรงงานอาคาร สตง.พังถล่มขณะก่อสร้าง ยังคงเฝ้ารอร่างลูกหลานกลับบ้าน แม้วันนี้คงไม่มีปาฏิหาริย์แล้ว ตลอด 30 วันที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนพยายามทุ่มเท หวังลบเลือนฝันร้ายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์

นายกฯ ไข้กลับอ่อนเพลีย หลังลงพื้นที่ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว

นายกฯ ไข้กลับ มีอาการอ่อนเพลีย หลังลงพื้นที่ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวทั้งวัน ก่อนนั่งหัวโต๊ะประชุมแก้ปัญหายาเสพติดข้ามแดน บอก ราคายาเสพติดแพงขึ้น สะท้อนผลการปราบปราม เน้นย้ำ ให้ความรู้ – โทษ แก่เด็ก และเยาวชน พร้อมให้โอกาสผู้เสพกลับคืนสังคม