ไทยรับมือโควิดได้ดี ภาพรวมส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้า

กทม. 27 ม.ค.- กรมควบคุมโรค เผยไทยรับมือโควิดได้ดีผลงานเป็นที่ชื่นชมขององค์การอนามัยโลกและนานาชาติ ภาพรวมโครงการส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมชี้แจงเหตุผลต่อรายงานการตรวจสอบของ สตง.


ตามที่มีข่าวเผยแพร่ในสื่อฉบับหนึ่งว่า สตง. เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพโครงการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด 19 ที่กรมควบคุมโรคดำเนินการ กรมควบคุมโรคขอชี้แจงว่าโครงการส่วนใหญ่สำเร็จเรียบร้อยตามแผน มีเพียงส่วนน้อยที่ล่าช้าและขอยกเลิก เน้นย้ำการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและคุ้มค่าสอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

วันนี้ (27 มกราคม 2566) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตามที่มีสื่อฉบับหนึ่งลงข่าว สตง. เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพโครงการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินโควิดที่กรมควบคุมโรครับผิดชอบมีการดำเนินงานล่าช้านับปีและรับมือโควิดเหลว จึงขอให้ข้อมูลว่าประเทศไทยได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกและนานาประเทศในเรื่องของความสำเร็จในการบริหารจัดการวิกฤติโควิด 19 โดยมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) จัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 5 จาก 195 ประเทศ​ที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงด้านสุขภาพในระดับชั้นนำ สะท้อนด้วยผลงานของประเทศที่มีระบบการสาธารณสุขที่เข้มแข็งและมีอัตราป่วยและเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศทั่วโลก โดยกรมควบคุมโรคเป็นหน่วยงานสาธารณสุขที่มีภารกิจหลักในการจัดการกับการระบาดของโควิด 19 ภายใต้การทำงานในภาวะฉุกเฉินที่มีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลากว่า 3 ปี


นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า ตามที่รัฐบาลอนุมัติให้มีแผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข วงเงินจัดสรรทั้งสิ้น 63,402.41 ล้านบาท ที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ และมีผลเบิกจ่าย ณ วันที่ 6 มกราคม 2566 ทั้งสิ้น 58,840.11 ล้านบาท คิดเป็น 92.8% โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สุ่มตรวจสอบการใช้งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งสิ้น 4 โครงการ วงเงิน 1.5 พันล้านบาท ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 รับผิดชอบโดยกรมควบคุมโรคจำนวน 2 โครงการ คือ 1) โครงการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเนื่องมาจากการระบาดของโรคโควิด ซึ่งดำเนินกิจกรรมจัดเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน รับมือกับการระบาดของโรคโควิด จากเอกสารรายงานผลการเบิกจ่ายเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 พบว่า โครงการในภาพรวมสามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยตามแผนจำนวน 88 รายการจากที่ได้รับอนุมัติ 99 รายการ สูงเกือบ 90% โดยมีเพียง 10 รายการที่ช้ากว่าแผน และมี 1 รายการที่ขอยกเลิก คือ การจัดหาเครื่องอ่านหนังสือเดินทางอัตโนมัติ สาเหตุเนื่องจากไม่มีผู้ยื่นเสนอราคา ซึ่งแม้ต่อมาจะเปลี่ยนวิธีจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจง แต่บริษัทแจ้งว่าราคาท้องตลาดสูงกว่าราคากลาง สำหรับรายการที่ล่าช้า 10 รายการ ขอขยายเวลาดำเนินการต่อ 8 เดือน เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นระบบไอทีเกี่ยวข้องกับการป้องกันควบคุมโรคที่ต้องพัฒนาขึ้นใหม่ตามลักษณะการใช้งาน และจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ระบาด อย่างไรก็ตาม ผลงานในภาพรวมของโครงการไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด 19 ที่อาศัยความร่วมมือในการทำงานหลายภาคส่วนประกอบกันในภาวะฉุกเฉินและ 2) โครงการค้นหาเชิงรุกสำหรับกลุ่มเสี่ยงของโรคโควิดในระดับพื้นที่ มีการยกเลิกการจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย (Biosafety Mobile Unit) ที่มีวัตถุประสงค์ใช้สนับสนุนการเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ PCR เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนนโยบายและมาตรการตรวจหาเชื้อโควิด มาเป็นวิธีการตรวจ Antigen Test Kit (ATK) แทน PCR ในช่วงครึ่งปีหลังของพ.ศ. 2564 ด้วยสถานการณ์ระบาดที่เปลี่ยนไปและประกอบกับประชาชนฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก จึงได้ยกเลิกรายการดังกล่าวที่ไม่จำเป็นต่อสถานการณ์ที่มีการตรวจ PCR ลดลงมาก และงบประมาณส่วนนี้ส่งคืนไปใช้ในโครงการอื่นที่มีความจำเป็นมากกว่า นับเป็นการบริหารงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ

ส่วนอีก 1 รายการเป็นการจัดหารถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ ซึ่งเป็นรถที่ต้องมีการประกอบขึ้นเพื่อรองรับภารกิจเฉพาะ ไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายในท้องตลาด การผลิตต้องนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์บางรายการเข้ามาประกอบภายในประเทศ ในขณะที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิดทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตและเวลาที่ใช้ในการจัดส่งอุปกรณ์ระหว่างประเทศ มีความล่าช้าในการส่งมอบครุภัณฑ์ จำเป็นต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายและขยายระยะเวลาโครงการออกไป 8 เดือน ทั้งนี้ ขณะเริ่มต้นโครงการถูกจำกัดระยะเวลาดำเนินงานภายใต้ พ.ร.ก.เงินกู้ เพียง 6 เดือน (กค-ธค 64) หลังได้รับการอนุมัติ ซึ่งบทเรียนในครั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้ให้ข้อเสนอแนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับปรุงกระบวนการอนุมัติงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้างในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับการทำงานในภาวะเร่งด่วน รวมทั้งกระบวนการตรวจสอบการดำเนินงานในภาวะฉุกเฉินควรคำนึงถึงภาระงานของบุคลากรที่เพิ่มขึ้นในสถานการณ์วิกฤติที่ยากจะควบคุมขั้นตอนต่างๆ ให้เสร็จตามกำหนดเวลาดังเช่นในภาวะปกติ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย