เปิดจุดบริการวัคซีนโควิดให้นักท่องเที่ยวอย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง

ก.สาธารณสุข 24 ม.ค.- ปลัด สธ.ประชุมซักซ้อมแนวทางฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กับหน่วยบริการสังกัด สธ. สร้างความเข้าใจที่ตรงกัน โดยขอให้เปิดจุดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง พร้อมย้ำต้องไม่ให้กระทบกับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนไทย ด้าน รพ.รัฐสังกัดอื่น ทยอยเข้าร่วมโครงการเพิ่ม ส่วน รพ.เอกชน ต้องรอแนวทางในระยะถัดไป


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมชี้แนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ เข้าร่วม

นพ.โอภาส กล่าวว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ประเทศต่างๆ ทยอยเปิดประเทศ ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงมีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างหลายหน่วยงานในการกำหนดมาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งหนึ่งในแผนเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ คือ ให้จัดระบบและกำหนดแนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตามความสมัครใจ โดยคิดค่าบริการที่เหมาะสม ภายใต้กลไก Medical hub โดยวัคซีนที่ให้บริการจะเป็นวัคซีนที่รัฐบาลไทยจัดซื้อมาเท่านั้น ไม่รวมถึงวัคซีนได้รับบริจาค และให้ทุกจังหวัดคำนึงถึงปริมาณวัคซีนคงคลังที่จะไม่กระทบกับการให้บริการประชาชนไทย และจัดสรรวัคซีนให้แก่ประชาชนไทยเป็นลำดับแรก


นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับชาวต่างชาติที่มาพำนักระยะยาวในไทย อาทิ ทำธุรกิจ ทำงาน คณะทูตและสมาชิกครอบครัว ยังคงรับวัคซีนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตามนโยบายเดิมของรัฐบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิดกับประชาชนทุกสัญชาติที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ยึดตามหลักสากล โดยเป็นไปตามความสมัครใจ และตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ดังนั้น ชาวต่างชาติที่นอกเหนือจากนักท่องเที่ยว ยังคงสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับคนไทยทุกประการ ในวันนี้จึงจัดประชุมชี้แจงให้หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่เข้าร่วมโครงการทุกจังหวัดมีความเข้าใจตรงกัน พร้อมนำเสนอตัวอย่างการดำเนินงานให้บริการวัคซีนโควิด-19 นำร่องสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะแรก ของโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และศูนย์ฉีดวัคซีนบางรัก ทั้งนี้ ได้มีข้อสั่งการขอให้ทุกจังหวัดเปิดจุดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวไม่ได้กระจุกอยู่แต่ในจังหวัดใหญ่ๆ โดยย้ำว่าต้องไม่ให้กระทบกับการบริการฉีดวัคซีนให้คนไทย

ด้าน นพ.ธเรศ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมในการบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระยะนำร่อง เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2566 โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ทั้งกรมการแพทย์ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในเมืองท่องเที่ยว สำหรับกรมควบคุมโรค ได้เตรียมพื้นที่ใน กทม. ไว้ 2 จุด คือ 1.ศูนย์การแพทย์บางรัก โดยเปิดให้บริการทุกวัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และ 2.สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) เขตบางเขน นอกจากนี้ ยังให้เพิ่มจุดบริการในคลินิกเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่ ชลบุรี และสงขลา รวมทั้งยังมีหลายหน่วยงาน เช่น กรุงเทพมหานคร โรงเรียนแพทย์ ทยอยแจ้งความจำนงขอเป็นจุดบริการฉีดแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย

สำหรับอัตราค่าบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แบ่งเป็นค่าบริการวัคซีนแอสตราเซเนกา 800 บาท/เข็ม และไฟเซอร์ 1,000 บาท/เข็ม โดยมีค่าบริการทางการแพทย์อีก 380 บาท ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ขณะนี้เริ่มให้บริการแล้วในเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต


“ยืนยันว่าเรามีวัคซีนเพียงพอ ไม่กระทบการบริการฉีดในคนไทย โดยรายได้จากค่าบริการให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานต้นสังกัดและกระทรวงการคลัง สำหรับการเปิดจุดบริการฉีดของภาคเอกชนนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ให้เริ่มดำเนินการ เนื่องจากต้องมีการวางแผนเรื่องแนวทางปฏิบัติและการกำกับติดตามที่แตกต่างจากโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งหากมีแนวทางชัดเจนแล้วจะนัดประชุมชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะถัดไป” นพ.ธเรศ กล่าว

นพ.ธงชัย กล่าวว่า กรมการแพทย์ให้โรงพยาบาลในสังกัดร่วมเป็นจุดฉีดวัคซีนสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระยะนำร่อง รวม 5 แห่ง ได้แก่ สถาบันโรคผิวหนัง รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน รพ.นพรัตนราชธานี และ รพ.ประสาทเชียงใหม่ โดยมีสถาบันโรคผิวหนัง และ รพ.ราชวิถี เป็นจุดฉีดหลัก เนื่องจากใกล้แหล่งพักอาศัยของนักท่องเที่ยว เดินทางสะดวก และทั้ง 2 แห่งมีบริการฉีดวัคซีนในชาวต่างชาติมานาน เจ้าหน้าที่สามารถใช้ภาษาต่างประเทศได้ดี ขณะนี้ได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน และเปิดให้กลุ่มเป้าหมายลงทะเบียนล่วงหน้าได้ รวมทั้งมีข้อสั่งการให้โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ทั่วประเทศอีก 30 แห่ง เป็นจุดบริการฉีดวัคซีนให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ยังคงเน้นการให้บริการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในประชาชนไทย เพื่อลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

“อ.เฉลิมชัย” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ

9 มิ.ย. – “อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ ให้เหตุผลเป็นความตั้งใจว่าครบ 70 ปี จะลาออกทุกตำแหน่ง เพื่อเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังพร้อมช่วยกระทรวงและวงการศิลปะ จากกรณี อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ประกาศระหว่างบรรยายในงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 สู่ Thailand Biennale, Phuket 2025 ที่ จ.ภูเก็ต ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 พฤษาคมที่ผ่านมา เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระ เนื้อหาในจดหมายที่ถูกเผยแพร่ออกมาซึ่งเขียนด้วยลายมือของ อ.เฉลิมชัย ถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงวันที่ 30 พฤษภาคม มีใจความสำคัญว่า “เหตุผลของการลาออก เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีอายุมากแล้ว จึงได้ประกาศหยุดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะปรารถนาที่จะพักผ่อน ท่องเที่ยว หาความสุขในบั้นปลายของชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกส่วนตัวว่า เมื่อศิลปินแห่งชาติได้หยุดสร้างสรรค์ผลงานแล้วก็ไม่ควรที่จะมีตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมโปรดพิจารณาตัดชื่อข้าพเจ้าออกจากทำเนียบศิลปินแห่งชาติด้วย” ภายหลัง อ.เฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของการลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติว่า […]

“อนุทิน” สั่งเร่งตรวจสอบหลุมหลบภัยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 9 มิ.ย. – “อนุทิน” สั่งการผู้ว่าฯ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อตรวจติดตามความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา และได้รับทราบข้อมูลต่างๆในพื้นที่ ล่าสุด ได้มีข้อสั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด เร่งดำเนินการตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ทั้งหมด โดยสำรวจว่ามีหลุมหลบภัยที่สามารถใช้งานได้ในสภาพดีจำนวนกี่แห่ง จำนวนหลุมหลบภัยที่ชำรุดและต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมกี่แห่ง รวมทั้งสำรวจความต้องการในการก่อสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่เพิ่มเติม พร้อมระบุสถานที่และประมาณการงบประมาณที่ต้องการขอรับการสนับสนุน รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป .319.-สำนักข่าวไทย

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย