กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – “วิษณุ-คุณหญิงกัลยา” ประชุมนำทีม คกก.ปฐมวัยระดับชาติ หนุนแคมเปญ “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” ฟื้นฟูพัฒนาการเด็กหลังโควิด-19
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ครั้งที่ 3/2565 โดยมีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์โควิดส่งผลให้เกิดภาวะการเรียนรู้ถดถอย (Learning Loss) ในเด็กปฐมวัย คณะกรรมการฯ จึงเสนอโมเดล “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” เป็นแนวทางฟื้นฟูพัฒนาการและเยียวยาเด็กปฐมวัยในภาวะเปราะบาง ซึ่งจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังได้พัฒนา Website “ปฐมวัยไทยแลนด์” และฐานข้อมูล Youth Link เชื่อมโยงข้อมูลเด็กปฐมวัยจากทุกหน่วยงาน เพื่อประกอบการจัดทำนโยบายและช่วยเหลือการเข้าถึงสิทธิด้านต่าง ๆ โดยได้กำชับให้ดำเนินการอย่างมีธรรมาภิบาลและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA)
ด้านคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเสริมว่า ผลวิจัยจากหลายหน่วยงานชี้ว่า การปิดสถานศึกษาในช่วงโควิดส่งผลให้เด็กปฐมวัยมีทักษะด้านภาษาและคณิตศาสตร์ที่ถดถอยลง ที่ประชุมจึงได้เสนอการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการสอน เพื่อช่วยให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้ผ่านการสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่อาจประยุกต์จากกิจวัตรในบ้านสู่ห้องเรียน ทำให้เด็กได้ฝึกการสื่อสาร ฝึกการคำนวณ และมีความภาคภูมิใจจากการพึ่งพาตนเอง
สำหรับโมเดล “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” เป็นแนวทางฟื้นฟูพัฒนาการเด็กปฐมวัย ภายใต้หลักการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง และการสร้างการเรียนรู้ทุกระดับของสังคม ประกอบด้วย “3 เร่ง” ได้แก่ 1. เร่งกำหนด “การฟื้นฟูเด็กปฐมวัย” เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และเป็นไปทั้งระบบจนเกิดผล 2.เร่งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครอง 3.เร่งค้นหา เยียวยา และพัฒนาเด็กในภาวะเปราะบาง
ส่วน “3 ลด ” ได้แก่ 1.ลดการใช้สื่อจอใสในเด็กปฐมวัยอย่างจริงจัง 2.ลดความเครียดคืนความสุขแก่เด็ก 3.ลดการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก และ “3 เพิ่ม” ได้แก่ 1.เพิ่มกิจกรรมฟื้นฟูพัฒนาการที่เสียไป โดยเฉพาะเพิ่มกิจกรรมทางกาย เพิ่มการอ่านนิทาน และเพิ่มการเล่น 2.เพิ่มสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 3.เพิ่มศักยภาพบุคลากรและระบบนิเวศใกล้ตัวเด็ก ผ่านการเสริมพลังครอบครัว สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย และเครือข่ายชุมชน
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ร่วมรับทราบแนวทางการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ฝาสีแดง ป้องกันโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความเห็นชอบแล้ว โดยจัดระบบการให้บริการฉีดวัคซีนทั้งในและนอกหน่วยบริการสาธารณสุข เช่น ในสถานสงเคราะห์เด็ก ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน หรือในสถานที่เกี่ยวข้องดูแลเด็กอื่น ๆ ทั้งนี้จะดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ และมาตรฐานการให้บริการวัคซีน รวมถึงมีระบบรายงานผลการสังเกตอาการหลังการฉีดวัคซีนด้วย. -สำนักข่าวไทย