กรมแพทย์แผนไทยฯ รับมอบตำรายาโบราณ จากมูลนิธิราชสกุลอาภากร

จ.พระนครศรีอยุธยา 15 ธ.ค.- กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก รับมอบตำรับตำรายาโบราณ อันทรงคุณค่า 2 ตำรับ ได้แก่ ตำรายาหมอพร เล่ม 1 ว่าด้วย พระคัมภีร์อติสารวรรคโบราณะกรรมแลปัจจุบันนะกรรม และตำรายาโบราณ พระโอสถปราสาททอง จากมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งสืบทอดมากว่า 300 ปี เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อวงการแพทย์แผนไทย รวมทั้งระบบการสาธารณสุขของประเทศ ตลอดจนการต่อยอดทางการวิจัย พัฒนา และสร้างเศรษฐกิจของประเทศชาติ


นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, ม.ร.ว.จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานกรรมการมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์, ดร.นันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธีบวงสรวงพระเจ้าปราสาททอง องค์เทพ เทพารักษ์ ในพิธีการมอบ ตำรายาโบราณ พระโอสถปราสาททอง ซึ่งมีอายุกว่า 300 ปี และตำรายาหมอพร เล่ม 1 ว่าด้วย พระคัมภีร์อติสารวรรค โบราณะกรรมแลปัจจุบันนะกรรม โดยรับมอบจากมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดย ม.ร.ว.จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานกรรมการมูลนิธิฯ

นพ.ธงชัย กล่าวภายหลังบวงสรวงว่า วันนี้ทางมูลนิธิฯ ราชสกุลอาภากรฯ ได้ส่งมอบตำราตำรับยาแผนไทยไว้ให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกถึง 2 ตำรา ซึ่งทางกรมมีนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากตำรับตำรายาไทย โดยต้องการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์คุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทางการสาธารณสุข และตระหนักในคุณค่าของตำรับตำราไทย โดยที่ผ่านมานั้น กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้รับมอบตำรับ ตำราภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยจากหน่วยงานและประชาชนที่มอบให้เป็นภูมิปัญญาชาติ จำนวน 503 แผ่นศิลา 33 แผ่นใบลาน 612 ตำรา 48,159 ตำรับ หลังจากนั้นได้ดำเนินการเชิงประจักษ์ ในการพัฒนาสิ่งที่ได้รับมอบมาโดย จัดทำเป็นตำรับยาแผนไทยแห่งชาติ 324 ตำรับ ครอบคลุมการรักษาโรค 15 กลุ่มโรค/อาการ ใช้ในโรงพยาบาล/คลินิก โดยแพทย์แผนไทย ส่วนในครั้งนี้ ทางมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ มีการมอบตำราในความดูแลครอบครองของหมอพร 2 เล่ม คือ ตำราอติสารวรรค และตำราพระโอสถปราสาททอง ให้กรมฯ ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการดูแล พัฒนา ปรับปรุง และพิจารณา กลั่นกรองเสนอประกาศเป็นตำราของชาติ ตามเกณฑ์และลำดับขั้นตอน เมื่อรับมอบแล้ว ปี 2566 กรมฯ จะมีการประชุมผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ราชบัณฑิต นักอักษรศาสตร์ทรงคุณวุฒิ ทางด้านภาษา เอกสาร และหนังสือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย นักกฎหมาย และมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อปริวรรต ถ่ายถอด ปรับปรุง พัฒนา และแปล ตำรา โอสถปราสาททอง ให้แล้วเสร็จ เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป


ทางด้าน ม.ร.ว.จิยากรร อาภากร เสสะเวช ประธานกรรมการมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯ มีความประสงค์มอบตำรายาโบราณของหมอพรทรงรวบรวมไว้ จำนวน 2 รายการตำรา ได้แก่ ตำรายาหมอพร เล่ม 1 ว่าด้วย พระคัมภีร์อติสารวรรคโบราณะกรรมแลปัจจุบันนะกรรม 92 ตำรับ และตำรายาโบราณ พระโอสถปราสาททอง จำนวน 67 ตำรับ เป็นเอกสารโบราณประเภทสมุดไทยดำ ที่สืบทอดมากว่า 300 ปี สมัยสมเด็จพระนารายณ์และเป็นหนึ่งในจำนวนตำรา 15 เล่ม ประเภททสมุดไทย ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงรวบรวมและเรียบเรียงขึ้น เป็นตำรับยาแผนไท ใช้รักษาโรค ส่งมอบเพื่อให้กรมฯ บริหารจัดการปริวรรต ถ่ายถอด ปรับปรุง พัฒนา อันจะเป็นประโยชน์ทางการแพทย์และสาธารณสุข ต่อสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจประเทศชาติ และในปี 2566 นี้ จะได้จัดพิมพ์ “ตำราพระโอสถปราสาททอง” เผยแพร่และมอบเป็นของที่ระลึก เนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี แห่งวันสิ้นพระชนม์ ของพลเรือเอกพระเจ้า บรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 อีกด้วย

ด้าน ดร.นันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย กล่าวว่า บทบาทกองคุ้มครองฯ มีหน้าที่สำคัญมากเพราะเป็นหน่วยงานหนึ่งเดียวในการบริหารจัดการ รวบรวม ปริวรรต ถ่ายถอด สังคายนา ใช้ตำรับยาแผนไทยในอดีตมาใช้ในทางการแพทย์ การสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพ ต่อยอดทางเศรษฐกิจของสังคมและประชาชน และมีแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมในราชสกุล, ตระกูล, สมาคม, ชมรม, สถาบัน ที่มีตำรับตำราในครอบครองสามารถนำมามอบเป็นสมบัติของแผ่นดินได้ เมื่อทางกรมการแพทย์แผนไทย ในฐานะหน่วยงานรัฐจะได้นำไปพัฒนาเป็นฐานข้อมูลอ้างอิง ต่อยอดการวิจัยพัฒนายาใหม่ที่มีคุณค่าเกิดประโยชน์ต่อระบบสุขภาพ ต่อไป. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ล่าหนุ่มโมร็อกโก ฆ่าโหดหมอแซมมี่ เผ่นหนีฮ่องกง

ตำรวจประสานตำรวจสากล เร่งล่าตัวแฟนหนุ่มชาวโมร็อกโก ผู้ต้องสงสัยฆ่าโหดหมอแซมมี่ แพทย์ความงามสาวสอง เจ้าของคลินิกเวชกรรมชื่อดังเชียงใหม่ พบเผ่นหนีไปฮ่องกงแล้ว

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชวนลงทุนซิม-ตู้เติมเงิน

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชักชวนลงทุนซิมและตู้เติมเงิน อ้างสิทธิ กสทช. พบมีผู้เสียหาย 5,000 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท

รถตู้กลับจากแข่งเรือเสียหลักชนต้นไม้ ดับ 4 เจ็บ 9

สลด! รถตู้กลับจากแข่งเรือยาวที่ จ.ปทุมธานี เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ บนถนนสายลำปาง-งาว จ.ลำปาง เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สถาบันประสาทฯ ชี้นวดต้นคอเสี่ยงอันตราย เหตุเป็นศูนย์รวมอวัยวะสำคัญ

สถาบันประสาทวิทยา ชี้นวดต้นคอเสี่ยงอันตราย เพราะเป็นศูนย์รวมอวัยวะสำคัญ มีทั้งหลอดเลือด และกระดูก ไม่ได้มีแต่กล้ามเนื้อ นวดผิดชีวิตเปลี่ยน ตั้งแต่อัมพฤกษ์ อัมพาต จนเสียชีวิต

“แม่น้องผิง” ติดใจการตายของลูกสาว วอนร้านนวดรับผิดชอบ

แม่นักร้องสาว “ผิง ชญาดา” ติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว อยากให้เจ้าของร้านนวดแสดงความรับผิดชอบ เผยมีลูกสาวคนเดียว เป็นเสาหลักของครอบครัว ด้านเพจ “หมอไทยสตอรี่” เตือนนวดบริเวณคอผิดวิธี เสี่ยงเส้นเลือดเสียหาย-กระดูกสันหลังเคลื่อน-เส้นประสาทถูกทำลาย แนะหากมี 4 อาการหลังนวด ควรพบแพทย์ด่วน

ตร.ทองหล่อ บุกทลายปาร์ตี้ไฮโซกลุ่มลับ พบยาเสพติด

ตำรวจทองหล่อบุกทลายปาร์ตี้ไฮโซกลุ่มลับในโรงแรมย่านคลองเตยเหนือ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ตรวจค้นพบยาเค ยาอีจำนวนหนึ่ง จึงคุมตัวนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปตรวจหาสารเสพติด

อุทาหรณ์นวดบิดคอ! นักร้องสาวเสียชีวิตแล้ว

อุทาหรณ์นวดบิดคอ! นักร้องสาวเข้าร้านนวดแบบบิดคอ ก่อนมีอาการตัวชา-ร่างกายอ่อนแรง กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว