ก.สาธารณสุข 13 ธ.ค. – สธ.เห็นชอบเพิ่มสายงานรับค่าตอบแทน/ค่าโอที/เวรบ่ายดึก พร้อมเสนอปรับฐานอัตราเงิน พ.ต.ส. 20% และเพิ่ม 8 วิชาชีพ
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยผลประชุมคณะกรรมการค่าตอบแทนฯ เห็นชอบเพิ่ม 20 สายงาน ให้สามารถนับระยะเวลาต่อเนื่องได้ มีสิทธิรับเงินค่าตอบแทนในข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุข และเพิ่ม 4 กลุ่มสายงาน ให้ได้รับค่าโอที 8% เวรบ่าย/ดึก 50% ยันหน่วยบริการยังบริหารจัดการได้ เตรียมจัดทำร่างหลักเกณฑ์ฯ นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขระเบียบเงินบำรุง พร้อมเห็นชอบเสนอ ก.พ. ปรับฐานอัตราเงิน พ.ต.ส.เพิ่ม 20% และเพิ่ม 8 วิชาชีพ
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 2/65 โดยกล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้รับทราบตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข ในการปรับปรุงเพิ่มเติมรายชื่อสาขาวิชาชีพและรายชื่อสายงาน ที่มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนในข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุขฯ พ.ศ. 2565 ดังนี้ 1. นักวิทยาศาสตร์ มีการเพิ่ม 10 สายงาน คือ นักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก แพทย์แผนไทย นักจิตวิทยาคลินิก นักกิจกรรมบำบัด นักกายอุปกรณ์ นักเวชศาสตร์การสื่อความหมาย นักโภชนาการ นักฟิสิกส์รังสี นายสัตวแพทย์ และนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์
2. นักวิชาการด้านสาธารณสุข เพิ่ม 4 สายงาน ได้แก่ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา นักวิชาการสิ่งแวดล้อม และนักวิชาการเกษตร 3. เจ้าพนักงานสาธารณสุข เพิ่ม 3 สายงาน คือ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานเวชกิจฉุกเฉิน พนักงานกู้ชีพ และ 4. เจ้าพนักงานเทคนิค เพิ่ม 3 สายงาน ได้แก่ ช่างกายอุปกรณ์ ช่างทันตกรรม และช่างภาพการแพทย์ รวมทั้งหมด 20 สายงาน
ส่วนรายชื่อสายงานที่มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนโอทีและเวรผลัดบ่าย/ดึก ตามหลักเกณฑ์ค่าตอบแทน ฉบับที่ 5 ในส่วนของตำแหน่งเจ้าหน้าที่พยาบาล ได้มีการขยายนิยามและเพิ่มสายงาน 4 สายงาน คือ 1. พยาบาลวิชาชีพ นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ (วุฒิปริญญาตรี) 2. พยาบาลเทคนิค เจ้าพนักงานเวชกิจฉุกเฉิน เจ้าพนักงานสาธารณสุข (เวชกิจฉุกเฉิน) พนักงานกู้ชีพ EMT-I (วุฒิอนุปริญญา) 3. ผู้ช่วยพยาบาล และ 4. ผู้ช่วยเหลือคนไข้ พนักงานกู้ชีพ EMT-B ซึ่งจากการคาดการณ์สถานการณ์การเงินการคลังหลังการเพิ่มค่าตอบแทนฉบับ 5 โดยเมื่อปรับค่าตอบแทนโอที 8% และค่าเวรบ่าย/ดึก 50% และปรับเพิ่มวิชาชีพและสายงานดังกล่าวแล้ว มีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณปีละ 3,000 ล้านบาท หน่วยบริการโรงพยาบาลทุกระดับสามารถดำเนินการบริหารจัดการได้ และสอดคล้องกับสภาวะการเงินการคลัง รายรับรายจ่ายในภาพรวม กรณีโรงพยาบาลที่มีปริมาณงานมากและมีสถานการณ์เงินบำรุงรายรับดี สามารถปรับการเบิกจ่ายให้เพิ่มได้ตามความเหมาะสมของภาระงานและสถานการณ์การเงินการคลัง โดยผู้บริหารหน่วยงานต้องติดตามผลรายรับรายจ่ายหลังเพิ่มค่าตอบแทนตามฉบับที่ 5 โดยผู้บริหารระดับจังหวัด และเขตสุขภาพ ร่วมพิจารณาการดำเนินงานในภาพรวม
“การปรับปรุงเพิ่มค่าตอบแทนโอที ได้มีการแก้ไขข้อความเล็กน้อยในส่วนของแพทย์ จากเดิมที่ระบุว่า แพทย์อัตราเดิม 550-1,100 บาท ได้แก้ไขข้อเสนอเป็นอัตรา 600-1,200 บาท แทน ทั้งนี้ จะมีการจัดทำร่างข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุขฯ และจัดทำร่างหลักเกณฑ์ค่าตอบแทนฉบับที่ 5 ที่แก้ไขเพิ่มเติม นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขระเบียบเงินบำรุงฯ และกฎหมายลำดับรอง เสนอปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาลงนามต่อไป” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการปรับเพิ่มรายชื่อสาขาวิชาชีพที่สามารถเบิกจ่ายค่าตอบแทนในอัตราสหสาขาวิชาชีพ แนบท้ายหลักเกณฑ์ค่าตอบแทน ฉบับที่ 11 ซึ่งเดิมมีการประกาศรายชื่อ 12 สาขาวิชาชีพ ก็ได้เพิ่มตำแหน่ง “นักโภชนาการ” เป็นลำดับที่ 13 รวมถึงเห็นชอบการปรับหลักเกณฑ์และอัตราเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของผู้ปฏิบัติงานด้านการสาธารณสุข (พ.ต.ส.) ซึ่งผ่านความเห็นชอบที่ประชุม อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุขแล้ว โดยเสนอปรับฐานอัตราเงิน พ.ต.ส. เพิ่มร้อยละ 20 เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และเพิ่ม 8 วิชาชีพ ได้แก่ นักสาธารณสุขหรือนักวิชาการสาธารณสุข แพทย์แผนไทย นักกายอุปกรณ์ นักโภชนาการ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ นักฟิสิกส์รังสี และนักฟิสิกส์การแพทย์ โดยคาดการณ์ว่า งบประมาณจากการปรับฐานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.06 ซึ่งตรงนี้จะใช้เงินงบประมาณ จึงจะเสนอขอความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ต่อไป. -สำนักข่าวไทย