ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 10 ธ.ค.- “พิพัฒน์” ยืนยันปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทะลุ 11 ล้านคนแน่นอน รวมทั้งรายได้ทะลุเป้าที่วางไว้ 1.28 ล้านล้านบาทเรียบร้อย หวังจบปีที่ 1.5 ล้านล้านบาท
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากที่วันนี้ (10 ธ.ค.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ครบ 10 ล้านคน ตามเป้าหมายที่ ททท.วางไว้ในปี 2565 ช่วงเวลาที่เหลืออีกประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนจะสิ้นปี 2565 ททท.คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติรายวันจะอยู่ทื่ 60,000-70,000 คน ทำให้มั่นใจว่ายอดในปีนี้จะทะลุเกินเป้าที่ 11 ล้านคนอย่างแน่นอน แต่จะทำอย่างไรให้ตัวเลขไปแตะที่ 11.5 ล้านคนให้ได้ ตรงนี้จะได้หรือไม่ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะตัวเลขเกินกว่าที่คาดไว้แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในปีนี้ คือ รายได้จากการท่องเที่ยวจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ ททท.ตั้งเป้าไว้จะต้องมี 1.28 ล้านล้านบาท รายงานล่าสุดตอนนี้ทะลุเป้าแล้ว แต่เป้าต่อไปในปีนี้คือจะทำอย่างไรให้จบปีที่ 1.5 ล้านล้านบาทให้ได้
ส่วนเป้าหมายในปี 2566 ที่จะต้องร่วมกันวางแผนให้ไปถึงเป้าให้ได้ คือ ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะต้องเข้าไทย 20 ล้านคน และสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ ให้กลับมาในอัตราร้อยละ 80 ของปี 2562 ที่ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท โดยจากนี้จะหารือกับท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ว่าจะทำอย่างไร จึงจะแก้ไขปัญหาที่ผู้โดยสารต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ คือ ความล่าช้าในการให้บริการ ภายในสนามบิน ทั้ง การรอกระเป๋า ด่านตรวจตนเข้าเมือง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการจราจรคับคั่ง ต้องรอนานหลายชั่วโม พูดคุยกับกระทรวงสาธารณสุข ถึงมาตรการดูแลนักท่องเที่ยว แนวทางในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประสานกระทรวงคมนาคม และ ททท.ในการเพิ่มเติมจำนวนเที่ยวบิน และจำนวนที่นั่งในแต่ละสายการบินให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย 20 ล้านคนในปีหน้าให้ได้
นอกจากนื้ นายพิพัฒน์ ยังยืนด้วยว่านักท่องเที่ยวคนที่ 10 ล้านที่บินมาในประเทศไทย ไม่มีการล็อกสเป็ก ล็อกเป้าว่าจะต้องเป็นนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบีย ตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าไทยฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบีย จึงต้องเป็นประเทศนี้ โดย ททท.ใช้วิธีการสุ่ม (Random) จากสายการบินต่างๆ รวม 7 ที่ และอีก 2 ด่านพรมแดน ที่พร้อมใจจัดงานในวันนี้ ผลออกมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบินจากซาอุดีอาระเบียพอดี ยืนยันทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน โปร่งใสแน่นอน.-สำนักข่าวไทย