ผู้ว่าฯ ชัชชาติ แจงเปิดลานคนเมืองชุมนุม

กทม. 14 พ.ย.- ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ขอบคุณทุกหน่วยงาน เตรียมพร้อมจัดประชุมเอเปค แจงเปิดลานคนเมืองชุมนุม กำชับทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน


“ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมใจในการทำงานเตรียมพร้อมจัดการประชุมเอเปค ทั้งในเรื่องการซ่อมแซมน้ำพุในสวนเบญจกิติ เป็นสิ่งที่ประชาชนและศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ชื่นชม เป็นความสำคัญของความร่วมแรงร่วมใจเอาจริงเอาจัง ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม ในส่วนของหาบเร่แผงลอยที่เข้าไปจัดระเบียบนั้น ไม่ต้องการแค่ชั่วคราว แต่ต้องการทำให้เกิดผลประโยชน์กับประชาชนจริง ๆ ที่ผู้นำที่มาทุกเมืองเข้าใจได้ และต้องทำในระยะยาว ขอบคุณหลายเขตที่เกี่ยวข้องที่ทำให้ดำเนินการอย่างเรียบร้อยก่อนจัดการประชุมเอเปค อีกเรื่องหนึ่งคือการเปิดลานคนเมืองสำหรับการชุมนุม อาจมีบางคนไม่เห็นด้วย แต่เป็นพื้นฐานของประชาธิปไตย ผู้นำที่มาเขตเศรษฐกิจที่มาจำนวนมากอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่เห็นว่าการแสดงความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ให้พวกเขามีพื้นที่ ดีกว่าไม่มีพื้นที่ให้เขาเลย เหมือนกับฝาหม้อต้มน้ำที่ปิดไม่มีทางออกทำให้ฝาระเบิด ถ้ามีท่อให้ปล่อยความดันออกมาได้เป็นการปลดปล่อยที่ดี ถ้าประชาชนถามก็ขอให้ช่วยอธิบายว่าเป็นเรื่องปกติและทางกทม.ได้ประสานกับตำรวจตลอด ซึ่งตำรวจก็ขอบคุณที่เคลียร์พื้นที่ให้ เป็นพื้นที่ที่เราดูแลได้ ไม่ออกมาทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่น และช่วยดูแลให้เรียบร้อยได้ ทำให้การควบคุมดูแลง่ายขึ้น ที่สำคัญต้องระวังในเรื่องที่ไม่คาดคิด ถ้าพนักงานกวาดเห็นสิ่งผิดปกติขอให้แจ้งผู้รับผิดชอบทราบ และต้องมีจุดที่ดูการรายงานสถานการณ์ใกล้ ๆ พื้นที่ สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคน ขอให้ช่วยดูแลเป็นหูเป็นตาเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในการประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมการจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องในส่วนที่กรุงเทพมหานครรับผิดชอบ วันนี้ (14 พ.ย. 65) โดยมี คณะกรรมการ คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานสังกัดกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 1 อาคาร 1 สำนักการโยธา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง


ในที่ประชุม คณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ ได้รายงานความคืบหน้าภารกิจที่รับผิดชอบ ในส่วนของคณะอนุกรรมการด้านพิธีการและอำนวยการฯ สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผลจัดทำคำสั่งจัดตั้งศูนย์ติดตาม ประสานงานแก้ไขปัญหาการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในส่วนที่กรุงเทพมหานครรับผิดชอบ สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณในการประดับตกแต่งต้นไม้ สำนักสิ่งแวดล้อมดำเนินการปิดสวนเบญจกิติ ระหว่างวันที่ 14 – 20 พฤศจิกายน 2565 เพื่อการใช้พื้นที่สวนฯ เป็นเส้นทางเข้า-ออกสำรอง และใช้พื้นที่พิพิธภัณฑ์เป็นที่พักรอสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และดำเนินการจัดทำแผน/มาตรการในการจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 สำนักการโยธาปรับปรุงทางเท้าบริเวณโรงแรมดิ แอทธินี และถนนบริเวณไอคอนสยาม

สำหรับคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรฯ สำนักเทศกิจจัดทำทะเบียนหาบเร่/แผงลอยในพื้นที่ที่มีการประชุม และจัดเตรียมเจ้าหน้าที่เทศกิจที่สื่อสารภาษาต่างประเทศรองรับการให้ข้อมูลต่าง ๆ สำนักการจราจรและขนส่งดำเนินการปรับปรุงเครื่องหมายจราจรให้มีความปลอดภัยชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบที่ผู้นำเศรษฐกิจเอเปคเข้าพัก สำนักการระบายน้ำจัดทำแผนเฝ้าระวังบริหารจัดการน้ำช่วงที่มีการจัดประชุมเอเปค สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดทำรายงานสรุปผลการตรวจความปลอดภัยโรงแรมที่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคฯ เข้าพัก มอบสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการแพทย์ และสำนักอนามัย ร่วมกันวางแผนรับมือการเผชิญเหตุฉุกเฉินด้านความปลอดภัยและด้านการแพทย์ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด สำนักการแพทย์ประสานหน่วยงานภายนอกด้านการแพทย์ สำนักงานเขตดำเนินการบริหารจัดการสุนัขและแมวจรจัดในพื้นที่ที่ขบวนผู้นำฯ ผ่าน ให้สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว และสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมของสถานที่ (ลานคนเมือง) รองรับการชุมนุม

ด้านคณะอนุกรรมการด้านประชาสัมพันธ์ สำนักงานประชาสัมพันธ์ดำเนินการประชาสัมพันธ์การจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคฯ อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้อง (คลองเตย สาทร ปทุมวัน บางคอแหลม บางรัก บางกอกใหญ่ คลองสาน และพระนคร) ดูแลความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ จัดระเบียบพ่อค้าหาบเร่แผงลอยและคนไร้บ้าน และสนับสนุนภารกิจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น


ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังการประชุมว่า กทม. มีอนุกรรมการ 3 ด้าน คือ ด้านพิธีการและอำนวยการฯ ด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรฯ และด้านการประชาสัมพันธ์ ภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้เสร็จสิ้นเกือบหมด มีบางส่วนที่รอการประสานงานอยู่ ในแง่พิธีการ ตกแต่งประดับต้นไม้ริมถนน ได้ดำเนินการครบถ้วน เรื่องเกี่ยวกับป้ายที่สำนักการโยธาดำเนินการมีบางป้ายที่มีการเจรจาโดยตรง เช่น ประเทศจีน ซาอุดิอาระเบีย อยู่ระหว่างการรอตรวจ ส่วนป้ายต้อนรับผู้นำที่ดอนเมืองและสุวรรณภูมิตอนนี้เรียบร้อยแล้ว การประดับธงเอเปค กทม.ได้ดำเนินการเรียบร้อย และได้มอบหมายธงให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประดับบนทางด่วนด้วย เรื่องถนน ทางเท้า การเทยางมะตอย ขีดสีตีเส้น ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อย การดูแลฟุตบาททางเท้าเรียบร้อย เพิ่มไฟบางจุดที่มีความมืดอยู่ เช่น สุขุมวิทซอย 2 หน้าโรงแรมที่มีผู้นำมาพัก ดำเนินการเรียบร้อย

สำหรับสวนเบญจกิติขอให้รอไปจนหลังวันที่ 20 แล้วมาใช้ใหม่ น้ำพุ ไฟประดับ ทำเรียบร้อย การดูแลพื้นที่ตามเส้นทางดูแลในกรอบที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่รกรุงรัง ส่วนหน่วยบรรเทาสาธารณภัยได้ประจำอยู่ตามจุดต่าง ๆ อาทิ โรงแรม และอนามัย ด้านความปลอดภัยสาธารณสุขของพื้นที่ทำตามแผนที่ได้รับมอบหมาย ทั้งยังเปิด War Room อยู่ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงข้า) เป็นศูนย์รวมในการประสานงาน และจะหาอีกที่หนึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อดูแลพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งอาจอยู่ในเขตคลองเตยได้ ในส่วนของเทศกิจ หลัก ๆ ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง อาจมีขยะ ใบไม้ร่วงเยอะ ให้ดูแลความสะอาด รวมทั้งเป็นหูเป็นตา

หลายมิติที่เราต้องช่วยกันระวัง มีอะไรเกิดขึ้นขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เช่น พนักงานกวาดถนน พนักงานเก็บขยะ อีกเรื่องที่เน้นย้ำคือการระบายน้ำ ถึงแม้ว่าพ้นฤดูฝนมาแล้ว แต่ยังมีฝนตก 60% ในช่วงที่มีการจัดงาน กทม.คิดถึง Worse Case กรณีที่แย่ที่สุดว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราได้มีการทำความสะอาดท่อระบายน้ำในพื้นที่ที่เป็นยุทธศาสตร์หมดแล้ว สำนักการระบายน้ำเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการดูแลพยากรณ์อากาศและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีอะไรที่น่ากังวล เพราะฝนจะช่วยชะฝุ่นลดน้อยลงด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของ กทม.พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการจัดประชุมเอเปคอย่างเต็มที่

สิ่งที่กทม.ยังกังวลคือในส่วนของผู้ชุมนุม แต่ที่ผ่านมาการชุมนุมก็มีความเรียบร้อย โดยกทม.ได้มีการหารือกับทางตำรวจอย่างต่อเนื่อง ตำรวจเองอยากให้จัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนให้ประชาชนมีพื้นที่ในการแสดงออก ไม่กีดขวางเส้นทางหรืออยู่ในพื้นที่ที่มีข้อกังวลด้านความปลอดภัย เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจใน 2 มิติ คือ เสรีภาพในการแสดงออก และการเปิดพื้นที่ให้ ซึ่งกทม.ยังเปิดพื้นที่เหมือนเดิม โดยพื้นที่ลานคนเมือง ตอนนี้มี 3 กลุ่มที่ขอเข้ามาจัดระหว่างวันที่ 16 – 18 พฤศจิกายน 2565 คือ กลุ่มไผ่ดาวดิน กลุ่มทะลุฟ้า และกลุ่มราษฎร ซึ่งกทม.ได้มีการหารืออย่างต่อเนื่อง และพยายามขอร้องไม่ให้เคลื่อนไปยังถนน ให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่หนักอยู่แล้วที่ต้องดูแลความปลอดภัย ถ้ามาอย่างสงบและแสดงความเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องที่ทำได้ เชื่อว่าทุกคนยอมรับในกรอบที่ต้องปฏิบัติตาม เหมือนเป็นสัญญาของกทม.กับประชาชน ที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ ขอให้ร่วมมือกัน กทม.ยินดีที่จะเคลียร์พื้นที่ให้ตามข้อตกลงกันที่จะไม่เคลื่อนที่

สำหรับพี่น้องประชาชนคนอื่น ต้องเรียนชี้แจงว่าไม่ต้องกังวลในส่วนนี้ เป็นเรื่องธรรมดาของระบอบประชาธิปไตยที่มีคนเห็นต่างบ้าง การเปิดพื้นที่ให้ชุมนุม ดีกว่าไม่มีพื้นที่ให้คนแสดงออกเลย ซึ่งเขาอาจจะไปหาพื้นที่ที่อาจมีผลต่อการจัดประชุมเอเปค จึงขอให้ประชาชนเข้าใจ โดยกทม.ได้มีการประสานกับทางตำรวจให้มาดูแลและหารือกันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ที่มาแสดงความเห็นอยู่ในกรอบที่กำหนด และทำตามที่ตกลงกันไว้ เป็นสิ่งที่ผู้นำทุกประเทศน่าจะเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย