กรุงเทพฯ 28 ต.ค. – กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ออกคำสั่งเรียกผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการคลินิกย่านบึงกุ่มเข้าชี้แจง กรณีสืบพบความเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้าประเวณี หากพบการกระทำผิดจริงสั่งฟันโทษทันที
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าตรวจค้นคลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่ง ย่านบึงกุ่ม ซึ่งได้รับเบาะแสว่ามีการลักลอบค้าประเวณี โดยอาศัยการประกอบกิจการคลินิกเวชกรรมบังหน้านั้น
นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรงพยาบาลหรือคลินิกเป็นสถานที่สำหรับให้บริการป้องกัน ตรวจรักษา และฟื้นฟูภาวะความเจ็บป่วย หรือโรคต่าง ๆ แก่ผู้ป่วย ทั้งร่างกายและทางจิตใจ โดยผู้ประกอบกิจการและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลเอกชนจะต้องควบคุมกำกับให้การดำเนินการของสถานพยาบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ในด้านสุขภาพแก่ผู้รับบริการ การที่ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการ ปล่อยปละละเลยให้มีการใช้สถานที่มาลักลอบค้าประเวณี นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญาแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงสถานพยาบาลไทย จึงได้สั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย และกองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้างต้นทันที ซึ่งพบว่าที่ตั้งคลินิกเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น โดยการตรวจสอบทะเบียนสถานพยาบาลพบว่า คลินิกดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลในชั้นที่ 1 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.ได้ให้ข้อมูลว่ามีการล่อซื้อประเวณีในชั้นที่ 2 ของอาคาร ซึ่งการขึ้นไปที่ชั้น 2 ของอาคาร มีทางเข้าแยกกันอิสระมิได้ผ่านบริเวณจุดบริการของคลินิก และมิได้เข้าไปรับบริการในช่วงเวลา 13.00-20.00 น. ที่คลินิกได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ในเบื้องต้นไม่พบการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
อย่างไรก็ตาม กรม สบส.จะออกคำสั่งเรียกตัวผู้ประกอบกิจการและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมาให้ถ้อยคำและชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เพื่อให้ความเป็นธรรมกับสถานพยาบาลและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็น หรือทราบเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย หรือการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของสถานพยาบาลเอกชนในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนกรม สบส.1426 หรือหากอยู่ในส่วนภูมิภาคก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในวันและเวลาราชการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป. -สำนักข่าวไทย