รร.อมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต 5 ต.ค. – เผยผลสำรวจแรงงานไทยสิงห์อมควัน 20.5% สูบหนัก 1-10 มวน/วัน พยายามเลิกแต่ไม่สำเร็จถึง 59% สสส. สานพลัง เครือข่ายสถานประกอบการ HAPPY WORKPLACE หนุนสถานประกอบการปลอดบุหรี่ทั่วไทย 2,000 แห่ง คุ้มครองสุขภาพแรงงานกว่า 3 แสนคน ช่วยแรงงงานเลิกบุหรี่มากกว่า 4,000 คน ปักธง ขยายผลโรงงานปลอดบุหรี่ในต่างจังหวัด พัฒนาระบบส่งต่อปรึกษา-บำบัดเลิกบุหรี่
นายพงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุภาวะองค์กร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในพิธีเปิดงานสัมมนา “ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ของแรงงานและการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ให้โดนใจผู้ประกอบการ” ว่า สสส.สนับสนุนสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดำเนินโครงการส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพแรงงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2551 เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการควบคุมการสูบบุหรี่ในสถานประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันสถานประกอบการเห็นความสำคัญการควบคุมปัจจัยเสี่ยงสุขภาพโดยเฉพาะบุหรี่ สุรามากขึ้น โดยสามารถพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ได้ 2,000 แห่ง คุ้มครองสุขภาพของแรงงานจากควันบุหรี่ได้กว่า 300,000 คน และช่วยให้แรงงานเลิกบุหรี่ได้สำเร็จกว่า 4,000 คน ขณะที่ผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุดปี 2562 พบว่า ประชากรวัยแรงงานสูบบุหรี่สูงที่สุด 21% หากต้องการให้อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยลดลง จำเป็นต้องทำให้อัตราการสูบบุหรี่ของประชากรวัยทำงานลดลงให้ได้
“การขยายผลในระยะต่อไป สสส.จะเร่งผลักดันและส่งเสริมผู้ประกอบการในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยสร้างกลไกให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่ช่วยให้การป้องกันและควบคุมการสูบบุหรี่ของแรงงาน เช่น เครื่องมือ สื่อ ระบบให้บริการช่วยเลิกบุหรี่ และระบบส่งต่อการบำบัดเพื่อให้เลิกบุหรี่ได้สำเร็จ โดยบูรณาการประเด็นการทำงานสร้างเสริมสุขภาพอื่นๆ ของ สสส. พร้อมขยายเครือข่ายการทำงานร่วมกับเครือข่าย Happy Workplace ที่มีมากกว่า 10,000 หน่วยงาน จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ดร.ศันสนีย์ กีรติวิริยาภรณ์ ผู้จัดการโครงการส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพแรงงานในสถานประกอบการ กล่าวว่า ได้สำรวจสถานการณ์และพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของแรงงานในสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เดือน ม.ค.-พ.ค.65 พบแรงงานในสถานประกอบการสูบบุหรี่ 20.5% เพศชายสูบบุหรี่สูงกว่าเพศหญิง กลุ่มแรงงานที่มีระดับการศึกษาสูงจะสูบบุหรี่น้อยกว่ากลุ่มแรงงานที่มีการศึกษาต่ำกว่า แรงงานส่วนใหญ่ 56% เริ่มสูบบุหรี่อายุ 16-20 ปี เพราะอยากลองและสูบตามเพื่อน สูบบุหรี่โรงงาน 77% (สูบ 1-10 มวน/วัน) มีเพียง 8% ที่สูบทั้งบุหรี่โรงงานและบุหรี่ไฟฟ้า มีแหล่งซื้อคือร้านค้าใกล้บ้านและร้านสะดวกซื้อทั่วไปโดยพบการสูบในที่ทำงาน 70% แบ่งเป็น สูบในพื้นที่ที่บริษัทจัดไว้ให้ 87% และสูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบ 13% ซึ่งพบเห็นการสูบในที่ห้ามสูบ 21% และมีแรงงานที่คิดจะเลิกสูบสูงถึง 79%
ดร.ศันสนีย์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจเลิกบุหรี่ คือ ครอบครัวอยากให้เลิก และเป็นห่วงสุขภาพ ขณะที่ยังมีแรงงานพยายามเลิกสูบแต่เลิกไม่สำเร็จ 59% ส่วนใหญ่พยายามเลิก 1-3 ครั้ง โดยใช้การเลิกด้วยตนเอง ไม่ขอคำปรึกษาจากหน่วยงานให้บริการช่วยเลิกสูบบุหรี่ โดยนิยมใช้วิธีหักดิบ รองลงมาคือ ลดจำนวนมวนที่สูบ ส่วนสาเหตุที่เลิกไม่สำเร็จเพราะไม่สามารถเอาชนะความเคยชินได้ และเห็นคนอื่นสูบแล้วอยากสูบตาม ทั้งนี้ ผลสำรวจนี้เป็นประโยชน์ให้สถานประกอบการมีข้อมูลการสูบบุหรี่ของแรงงานในสถานประกอบการของตน นำไปใช้ในการวางแผนดำเนินงานและออกแบบกิจกรรมช่วยให้สถานประกอบการตนเองปลอดบุหรี่ได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้หน่วยงานราชการนำไปวางแผนพัฒนาการช่วยเหลือการเลิกบุหรี่ให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ. -สำนักข่าวไทย