ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผย กทม. เสี่ยงฝนหนักถี่ขึ้น ชงตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า

กทม. 17 ก.ย.- ผู้ว่าฯ ชัชชาติ หารือ ดร.เสรี รับมือน้ำท่วม เผยกรุงเทพฯ เสี่ยงฝนหนักถี่ขึ้น เสนอตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ประสานจังหวัดใกล้เคียงรับมือน้ำท่วม ด้านกรมชลประทานเผยเขื่อนตอนบนยังรับมือได้ ยืนยันผันน้ำเหนือไม่กระทบ กทม.


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต มูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมชลประทาน และชาวชุมชนชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ และคลองบางกอกน้อย เพื่อเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบน้ำท่วม ที่ห้องประชุมโรงเรียนกุศลศึกษา วัดชัยพฤกษมาลาฯ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

นายชัชชาติ กล่าวว่า จากการร่วมหารือได้ เป็นการแบ่งปันข้อมูลที่ทำให้เห็นถึงสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนไปมีความชัดเจนขึ้นและมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้นซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ช่วงเดือนที่ผ่านมาที่มีฝนตกหนักเพิ่มขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นผลทำให้เกิดน้ำท่วม ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยถึงการปรับยุทธศาสตร์ในการรับมือและวางแผนซึ่งมีการคุยกันถึงแผนระยะสั้นและระยะยาว และจะต้องนำเอาคนในชุมชนมาเป็นส่วนร่วมในการแก้ปัญหา


ผู้ว่า กทม. ระบุว่า ที่ผ่านมาการระบายน้ำของกรุงเทพมหานครจะใช้การระบายน้ำผ่านภายในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครเป็นส่วนใหญ่ เช่นลงคลองพระโขนง คลองบางซื่อ คลองลาดพร้าวทำให้ทุกอย่างไหลเข้าไปที่ตรงกลาง แต่ในอนาคตที่ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น อาจจะต้องดูน้ำในภาพรวม คุยกันในแต่ละจังหวัดโดยมีกรมชลประทานเป็นตัวเชื่อมเนื่องจากหากแต่ละจังหวัดต่างคนต่างระบายน้ำอาจจะเป็นปัญหา มีการหารือกัน ซึ่งกรุงเทพมหานคร อาจจะเป็นเจ้าภาพในการหารือกับจังหวัดปริมณฑล

รศ.ดร. เสรี กล่าวว่า จากสถานการณ์ของภาวะโลกร้อนทำให้กรุงเทพมหานครถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ทั้งจากฝนที่มีการคาดการณ์ว่ามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมใหญ่มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยบ่งชี้ว่าปริมาณฝนที่ตกใน1วัน ของพื้นที่กรุงเทพ เพิ่มขึ้น 14 – 20% และจำนวนวันที่มีฝนตกจะเพิ่มขึ้น 50 – 80% ขณะที่ เดือนตุลาคมจากข้อมูลคาดการณ์พบว่าฝนจะหนักกว่าเดือนกันยายน ทำให้จะต้องตระหนักถึงการรับมือ ขณะที่การระบายน้ำพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกอย่างเช่น ตลิ่งชัน มีฝนตกลงมา มักจะล้นขอบกำแพงริมตลิ่ง ทำให้แต่ละชุมชนต้องมีการสูบน้ำออกจากพื้นที่ลงคลองมหาสวัสดิ์และคลองบางกอกน้อย ซึ่งจะต้องบริหารจัดการเร่งสูบน้ำออกจากคลองให้ทันในช่วงที่มีฝนตกหนัก

รศ.ดร. เสรี ระบุว่า ได้มีข้อเสนอจากต่อผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เพื่อรับมือน้ำท่วม โดยระยะสั้น ต้องมีการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าโดยให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม และให้ผู้อำนวยการเขต เป็นผู้อำนวยการศูนย์ส่วนหน้า ติดตามและประสานผลกระทบติดตามและประสานกับหน่วยงานอื่นเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ส่วนระยะกลางและระยะยาว ให้ผู้อำนวยการเขตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินร่วมกับชุมชน ภาคประชาชนเพื่อหาพื้นที่หน่วงน้ำพื้นที่สีเขียว พื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่ระบายน้ำในพื้นที่ รวมทั้งจะต้องมีการประเมินภาพรวมการดำเนินการระหว่างเขตเพื่อชี้แจงต่อประชาชน จะต้องมีการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำเพื่อลดผลกระทบกับคนที่อยู่ปลายน้ำ และเตรียมการป้องกันพื้นที่ชายฝั่งและระดับน้ำทะเลหนุนสูง ขึ้นในอนาคตให้เป็นวาระแห่งชาติ


ด้าน นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน ขนาดนี้เขื่อนลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้ง เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีพื้นที่ในการรับน้ำอีก 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปี 54 ในตอนนั้นเหลือพื้นที่รับน้ำไม่ถึง 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเรื่องฝนเทียบกันระหว่างปี 54 และปี 65 จะเห็นว่าปีนี้ ฝนทางภาคเหนือและภาคกลางต่ำกว่าฝนที่ตกเมื่อปี 54 รวมทั้งปีนี้ยังไม่มีพายุเข้าสู่ประเทศไทยจึงต้องมีการเฝ้าระวังปลายเดือนกันยายนนี้จะมีพายุหรือไม่

นายธเนศร์ ยืนยันว่าน้ำเหนือที่จะไหลลงมา กรมชลประทานได้มีการตัดยอดน้ำก่อนที่จะลงมาสู่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้หมด ให้เหลือเฉพาะการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ นอกจากนี้กรมชลประทานยังเร่งระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่รอยต่อ เช่นฝั่งตะวันออกที่ลาดกระบัง หนองจอก มีนบุรี ซึ่งปัจจุบันยังมีน้ำในพื้นที่จำนวนมาก ทางกรมชลประทานจึงได้มีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำลงสู่คลองย่อยไปสู่คลองใหญ่ ทำให้น้ำในคลองประเวศที่รับน้ำจากลาดกระบังได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง หากฝนไม่ตก 3-4 วันนี้ จะสามารถระบายน้ำลงสู่คลองได้ทั้งหมด

โดยหลังจากประชุมหารือเสร็จสิ้นผู้ว่าฯ กทม.และคณะ ได้ลงเรือเพื่อสำรวจคลองมหาสวัสดิ์และคลองบางกอกน้อยเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย