ททท.ปล่อยขบวนรถทัวร์ทั่วไทย กระตุ้นท่องเที่ยว

กทม.16ก.ย.-ททท.ร่วมกับพันธมิตรด้านท่องเที่ยว ชวนคนไทยออกไปท่องเที่ยว 5 ภูมิภาค ปล่อยขบวน รถทัวร์ทั่วไทย  สนับสนุนผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะไม่ประจำทางทั่วประเทศ หลังโควิด


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปล่อยขบวนรถทัวร์ ภายใต้กิจกรรม AmazingThailand รถทัวร์ทั่วไทย  เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งรถบัส รถขนส่งสาธารณะไม่ประจำทางที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 และกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย กระจายรายได้สู่ชุมชนมากขึ้น  ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากกว่า 76 ล้านบาทตลอดโครงการ

รองผู้ว่า ททท. กล่าวว่า กิจกรรม AmazingThailand รถทัวร์ทั่วไทย  เป็นความร่วมมือระหว่างททท.และพันธมิตรด้านท่องเที่ยว อาทิ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ซึ่งมีโดยสารไม่ประจำทางหรือ รถบัส  เข้าร่วมโครงการ 500 คัน พานักท่องเที่ยวออกเดินทางไปยังเมืองหลักและเมืองรองทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และตะวันออก  โดยททท.จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่บริษัทนำเที่ยวในส่วนของค่ารถบัส  คันละ 10,000บาท ต่อวันต่อคัน แต่ไม่เกิน 40,000บาทต่อคัน เฉพาะการเสนอรายการนำเที่ยวทีมีการเดินทางพักค้างคืนข้ามจังหวัด และระยะทางเดินทางไม่น้อยกว่า 2วัน1คืน โดยปัจจุบันนี้มีการเสนอขายรายการนำเที่ยวไปแล้ว 208 คัน จาก 500 คัน ซึ่งทยอยเดินทางท่องเที่ยวไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนที่ผ่าน ไปจนถึง 31 ตุลาคม จนสิ้นสุดโครงการ 


ด้าน ดร.วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย กล่าวว่า สำหรับตลาดรถโดยสารไม่ประจำทาง รถบัส เริ่มออกมาวิ่งในตลาดท่องเที่ยวแล้ว กว่า 40 % หรือประมาณ 15,000 คัน ทั้งคณะทัวร์ของนักท่องเที่ยวไทย การใช้งบของภาครัฐในการเดินทางไปศึกษาดูงาน และตลาดต่างประเทศ ในสัดส่วน 50:50 ซึ่งคาดว่าตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไปตัวเลขการใช้บริการรถบัสจะเพิ่มขึ้น เพราะเริ่มมีเทศกาลประเพณีประจำปีมากขึ้น การช่วยเหลือของภาครัฐในการจัดกิจกรรมต่างๆถือว่าช่วยผู้ประกอบการได้อย่างมาก หลังจากสาหัสมานาน รวมถึงหากรัฐบาลมียังคงตรึงราคาน้ำมัน ดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 30-35 บาทผู้ประกอบการรถบัสก็ยังพออยู่ได้แต่หากเพิ่มขึ้นกว่านี้ ค่าให้บริการต่างๆอาจขอต้องปรับขึ้นตามเพื่อความอยู่รอด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต

ราชทัณฑ์ แจงชัดเหตุ “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำ

ราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงกรณี “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำกลางคลองเปรม ด้าน จนท.พิสูจน์หลักฐาน เตรียมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ธ.ก.ส. ออก “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” หนุนคนใกล้เกษียณทำเกษตร

กรุงเทพฯ 6 มี.ค.- ธ.ก.ส. เปิดตัว “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินทำการเกษตรคู่ขนาน รองรับการเข้าสู่ Aging Society สูงสุด 8 ล้านบาท ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ ส่งเสริมการดึงคนกลับเข้าสู่ภาคการเกษตร กรอบวงเงินรวม 3.75 หมื่นล้านบาท สานฝันบุคลากรภาครัฐและเอกชนที่มีรายได้ประจำอายุ 50 – 59 ปี สร้างรายได้คู่ขนานจากการทำการเกษตร และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาสินค้าเกษตรไปสู่เกษตร มูลค่าสูง วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 8 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำ 5 ปีแรก MRR – 2 และปีที่ 6 เป็นต้นไป เท่ากับ MRR แจ้งความประสงค์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้มีรายได้ประจำเป็นรายเดือน สามารถวางแผนการสร้างรายได้คู่ขนานจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรในวัยก่อนและหลังเกษียณ รองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เพิ่มการเกษตรที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม […]

ข่าวแนะนำ

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก คาดฝีมือ นายอับดุลเลาะ บูละ แกนนำระดับสั่งการ ฝึกรบจากต่างประเทศ พบบางส่วนหนีขึ้นเขาตะเว บางส่วนข้ามชายแดนแล้ว

“หมอพรทิพย์” เผย แผลศพบอกได้ ฆาตกรรม หรือ ฆ่าตัวตาย

“หมอพรทิพย์” อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยบาดแผลที่ศพ “ผกก.โจ้” จะบ่งชี้ได้ว่า ถูกฆาตกรรม หรือฆ่าตัวตาย

ผลผ่าพิสูจน์ “ผกก.โจ้” ขาดอากาศหายใจ

ผลผ่าพิสูจน์ “ผกก.โจ้” ขาดอากาศหายใจ จากการทำร้ายตัวเอง ไม่พบรอยช้ำที่เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อลำคอ ญาติพอใจ แต่ขอส่งศพผ่ารอบสองที่นิติเวช จุฬาฯ เปรียบเทียบผล ส่วนประเด็นผ้าที่ใช้ผูก เข้าได้กับรอยที่คอที่มีขนาดกว้างกว่าเชือก

ป่วนใต้ ยิงถล่ม-คาร์บอมบ์ “นราฯ-ปัตตานี” เสียชีวิตหลายราย

ชายแดนใต้ป่วนหนัก คนร้ายกว่า 10 คน กราดยิง-คาร์บอมบ์ หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ตาย 2 ราย เจ็บ 10 คน ส่วนปัตตานี คนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.สายบุรี เสียชีวิต 3 ราย