“สมศักดิ์” เตรียมบุก อย. ทวงความยุติธรรมผลิตภัณฑ์กระท่อม

สุราษฎร์ธานี 24 ส.ค. – “สมศักดิ์” เตรียมบุก อย. ทวงความยุติธรรมปัญหาผลิตภัณฑ์กระท่อม หลังชาวบ้านสงสัยทำไมกัญชาขายได้ ยันทำทุกอย่างเข้าตามตรอกออกตามประตู หวังช่วยผลักดัน สร้างรายได้ให้ประชาชน พร้อมวางศิลาฤกษ์ “อนุสรณ์สถานบ้านนาสาร” แห่งแรกของไทย หลังครบรอบ 1 ปีปลดล็อก ยกเป็นหมู่บ้านต้นแบบ ขอบคุณชาวใต้สนับสนุนจนสำเร็จ


เมื่อวันที่ 24 ส.ค.65 เวลา 16.00 น. ที่ อบต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ อนุสรณ์สถานพืชกระท่อม โดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธีระยุทธ วานิชชัง ผู้ช่วย รมว.อุตสาหกรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายกัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์ นายอำเภอบ้านนาสาร หัวหน้าส่วนราชการ นายสงคราม บัวทอง อดีตกำนัน ต.น้ำพุ และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมงาน

โดยก่อนเข้างาน ว่าที่ ร.ต.รังสฤษฎ์ สาริพัฒน์ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนพืชกระท่อมไทย เป็นตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังมีกลุ่มบุคคลหลอกลวงสร้างความเสียหายให้กับวิสาหกิจหลายแห่ง ในการขับเคลื่อนพืชกระท่อม และอ้างว่ารู้จักกับคนดังหลายคน เพื่อความน่าเชื่อถือ จึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยเหลือ


จากนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานว่า ตนต้องขอบคุณกำนันสงคราม และชาวบ้านนาสาร ที่เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์พืชกระท่อม และเป็นเจ้าของพืชกระท่อม เราผลักดันกฎหมายปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด ผ่าน ส.ส. ส.ว. จนสำเร็จ โดยใช้เวลา 1 ปีครึ่ง แต่ยังมีร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ที่อยู่ระหว่างการรอโปรดเกล้าฯ บังคับใช้เป็นกฎหมาย เชื่อหากออกมาแล้ว เราจะทำอะไรได้คล่องขึ้น วันนี้ครบรอบ 1 ปีที่กระท่อมถูกกฎหมาย ที่ผ่านมาเราทำทุกอย่างตามขั้นตอน เข้าตามตรอกออกตามประตูตลอด ตนขอขอบคุณชาวบ้านที่เชิญมาวางศิลาฤกษ์ ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงพื้นที่ประวัติศาสตร์นำร่อง และจะมีการสร้างศูนย์เรียนรู้พืชกระท่อมอีกด้วย

บ้านนาสาร ถือเป็นสถานที่สำคัญ เป็นหมู่บ้านต้นแบบของการอนุรักษ์พืชกระท่อม เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง รวมถึงพัฒนาไปเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อก่อนมีหมู่บ้านนำร่องของ ป.ป.ส. 157 หมู่บ้าน ใน 12 จังหวัด ครอบครองกระท่อม 24,573 ต้น โดยหลังปลดล็อกมา 1 ปี มีประชาชนนิยม จนปลูกมากกว่า 1 ล้านต้นแล้ว โดยปัญหาของพืชกระท่อม หลังปลดล็อกมา 1 ปี มีการปลูกอย่างเสรี ทำให้ราคาตกลง จากเมื่อก่อนกิโลกรัมละ 400-600 บาท ปัจจุบันราคาขายปลีกเหลือ 200 บาท ขายส่ง 120-150 บาท วันนี้ประชาชนยังขาดการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ ทั้งเรื่องการวิจัย พัฒนามาตรฐาน และการให้ความรู้ทางวิชาการ การสนับสนุนเรื่องการส่งออก การทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งตลาดอเมริกาและจีนต้องการมาก รวมถึงการผลักดันแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร เครื่องสำอาง ซึ่งกำกับและควบคุมโดยองค์การอาหารและยา (อย.)


“ป.ป.ส.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ประสานกับหลายหน่วยงาน เพื่อให้เกิดมิติรอบด้าน เช่น เซ็น MOU วิจัยพืชกระท่อมทั้งระบบ เพื่อส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร โครงการศึกษาวิจัย 22 โครงการ เพื่อการเพาะปลูกและพัฒนาสายพันธุ์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น การส่งเสริมมาตรฐานการผลิตพืชกระท่อม ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร ท้ายที่สุดนี้ ผมต้องขอบคุณชาวใต้อีกครั้งที่สนับสนุนผม เป็นกำลังใจให้ผม ผ่านกฎหมายกระท่อม จนประสบความสำเร็จ” นายสมศักดิ์ กล่าว

จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้มอบใบประกาศรับรองแปลงกระท่อม 6 แปลงแรก ที่ได้รับมาตรฐาน GAP คือ แนวทางในการทำการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด จากสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 และได้เดินทางไปรับชมแปลงพืชกระท่อมทั้ง 6 แปลงด้วย

ต่อมาเวลา 19.00 น. นายสมศักดิ์ และคณะ ได้เดินทางไปยังโรงแรมไดมอน พลาซ่า โฮเทล เพื่อเปิดงาน “สร้างเศรษฐกิจเพื่อชาวใต้ เปลี่ยนพืชกระท่อม เป็นเงินสด” นายสมศักดิ์ ได้รับชมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่นำมาจัดแสดง และกล่าวว่า ตนได้ให้ ป.ป.ส. ตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามกับทาง อย. และอยากให้บริษัท ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า รวมตัวกันมาลงชื่อที่ ป.ป.ส. และส่งตัวแทนไปคุยกับ อย. ซึ่งตนจะไปด้วย เพื่อให้รู้ว่ายังติดขัดอะไรบ้าง ถึงยังทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ได้ ที่ผ่านมาตนพยายามสนับสนุนการวิจัยพัฒนามาตลอด วันนี้ตนได้พบกับพี่น้องที่ทำผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอด ซึ่งตนเชื่อว่า เราพัฒนาให้มีราคาได้ ตนและ ป.ป.ส.จะเป็นกำลังสำคัญในการไปหารือกับ อย. เพื่อให้แนวทางต่างๆ สำเร็จทะลุทะลวงไปได้ ผลิตภัณฑ์ของเราเข้าตามตรอกออกตามประตู กฎหมายที่เราทำสมบูรณ์

ทั้งนี้ มีคำถามจากชาวบ้านที่มาร่วมงานเขียนใส่กระดาษมาถามว่า ทำไมกัญชามาทีหลังกระท่อม แต่กลับมีขายตามร้านสะดวกซื้อแล้ว นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระท่อมเราทำตามกฎหมายปกติ แต่สำหรับกัญชา เขาปลดล็อกตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ แต่ยังไม่มีกฎหมายรองเลย เพิ่งเสนอเข้าสภาไป แต่เขาทำประกาศออกมา เพื่อลดความวุ่นวายระหว่างรอกฎหมาย และอาจเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง เขาอาจจะเร่งรัดในบางส่วน ซึ่งในทางกฎหมาย กัญชายังไม่สมบูรณ์ แต่กระท่อมสมบูรณ์แล้ว ดังนั้น ตนจะไปทวงความยุติธรรมให้เอง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]