ในหลวง-พระราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะเอกอัครราชทูต-คณะบุคคล เฝ้าฯ

13 มิ.ย. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ อุปทูตรักษาการ รักษาการกงสุลใหญ่ไทย และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ เฝ้าฯ

วันนี้ (13 มิ.ย.68) เวลา 18.26 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ อุปทูตรักษาการ และรักษาการกงสุลใหญ่ไทย พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เนื่องในโอกาสที่กระทรวงการต่างประเทศ จัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ที่ประจำการในต่างประเทศทั่วโลก ระหว่างวันที่ 8-14 มิถุนายน 2568 ภายใต้หัวข้อหลัก ได้แก่ “การทูตเชิงรุกที่ตอบโจทย์ประชาชน จากนโยบายสู่การปฏิบัติ” เพื่อให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ที่ปฏิบัติราชการอยู่ ณ 98 สำนักงาน ใน 65 ประเทศทั่วโลก ได้รับทราบทิศทางนโยบายต่างประเทศที่สำคัญของรัฐบาล ภายใต้บริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงและผันผวนอย่างมาก และหารือเกี่ยวกับยุทธศาสตร์และแนวทางการนำทีมประเทศไทยในประเทศที่ประจำการ ขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ยังผลประโยชน์แห่งชาติและประชาชนที่สำคัญในทุกมิติ นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสครบ 150 ปี ของการสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ร่วมกันทบทวนและหารือเกี่ยวกับทิศทางและจุดยืนทางการทูตไทยให้สอดคล้องกับจุดแข็งของประเทศ ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ภายใต้บริบทและสภาวการณ์ในโลกปัจจุบัน เพื่อเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนการทูตไทยสู่อนาคตสืบไป

โอกาสนี้ พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทย เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ความว่า

“ข้าพเจ้ามีความยินดี ที่ได้ต้อนรับท่านทั้งหลาย ผู้เป็นเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ของไทย ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทุกท่านได้ร่วมประชุมสัมมนากัน และรับนโยบายจากรัฐบาลแล้ว ต่อไปก็จะต้องนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ในการปฏิบัตินั้น มีสิ่งที่ต้องคำนึงหลายประการ ซึ่งท่านคงจะได้นำไปพิจารณาร่วมกันอย่างรอบคอบ ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่แต่ละคนมีอยู่ แต่สิ่งสำคัญ คือ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของการตระหนักถึงหน้าที่ ในฐานะที่เป็น “ผู้แทน” หรือ “ตัวแทน” ทั้งตัวแทนของพระมหากษัตริย์ ตัวแทนของประเทศ และตัวแทนของประชาชนชาวไทย ที่จะไปเสริมสร้างความเป็นมิตรไมตรีกับประเทศต่าง ๆ และรักษาผลประโยชน์ของชาติไปด้วยพร้อมกัน

สถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งของไทยและของโลก เปลี่ยนแปลงก้าวหน้ามาโดยตลอด และบางช่วงก็ผันผวนแปรปรวนมาก คือสามารถแปรเปลี่ยนพลิกผันได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ท่านจึงต้องปฏิบัติงานอย่างทันท่วงที และระมัดระวังอย่างมาก ดังที่ท่านได้รายงานให้ทราบเมื่อครู่นี้ว่า จะปฏิบัติด้วยความ “รู้เขา รู้เรา” นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ การรู้ท่าทีของประเทศนั้น ๆ ที่มีต่อสถานการณ์ต่าง ๆ และรู้จุดยืนของประเทศเราที่มีต่อสถานการณ์นั้น ย่อมช่วยให้เรารู้ว่า จะต้องทำอย่างไร จึงจะสามารถเสริมสร้างความเข้าใจกันได้ เมื่อรู้และปฏิบัติได้ถูกต้องเหมาะสม ท่านก็จะสามารถทำหน้าที่ของทูต ในการพิทักษ์รักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยได้อย่างแท้จริง ขออำนวยพรให้ทุกท่าน มีความสุขความเจริญในชีวิต และมีความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ทุกประการ”

ต่อมา เวลา 18.54 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดังนี้

  • นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ๑๔ มกราคม ๒๕๖๘ พร้อมกล่องไม้มะค่า แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กระทรวงการคลังจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ๑๔ มกราคม ๒๕๖๘ โดยจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก จำนวน ๖ ชนิด ประกอบด้วย เหรียญทองคำ ความบริสุทธิ์ ๙๙ เปอร์เซ็นต์ ประเภทขัดเงา เหรียญทองคำ ความบริสุทธิ์ ๙๙ เปอร์เซ็นต์ ประเภทธรรมดา เหรียญเงิน ความบริสุทธิ์ ๙๒.๕ เปอร์เซ็นต์ ประเภทขัดเงา เหรียญเงิน ความบริสุทธิ์ ๙๒.๕ เปอร์เซ็นต์ ประเภทธรรมดา เหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ประเภทขัดเงา และเหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ประเภทธรรมดา กับจัดทำเหรียญที่ระลึก จำนวน ๒ ชนิด ประกอบด้วย เหรียญทองแดงรมดำพ่นทรายพิเศษ ความบริสุทธิ์ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๗๐ มิลลิเมตร และเหรียญทองแดงรมดำพ่นทรายพิเศษ ความบริสุทธิ์ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๐ มิลลิเมตร

  • ศาสตราจารย์เกียรติคุณยงยุทธ ยุทธวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นำคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล พร้อมครุยวิทยฐานะ และหุ่นจำลองเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง “เอฟ ห้าอี” (F-5E) บรรจุในกล่องอะคริลิกใส แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาษาศาสตร์ประยุกต์ พร้อมครุยวิทยฐานะ และผ้าซิ่นไทยวน (ไท-ยวน) บรรจุในกล่องผ้าไหมสีม่วง แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาสามารถในด้านวิศวกรรมการบินและอากาศยาน ทรงมีชั่วโมงการบินหลายพันชั่วโมง แสดงให้เห็นถึงความชำนาญ ความเชี่ยวชาญอันเป็นเลิศในวิทยาการการบิน ทั้งอากาศยานทหารและอากาศยานพาณิชย์ ทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินพระราชทาน ทรงถ่ายทอดวิทยาการฝึกสอน ทั้งภาควิชาการและภาคปฏิบัติ โดยพระปรีชาสามารถเป็นที่ประจักษ์ชัด เมื่อครั้งทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ ๑ ทรงขับเครื่องบินพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง ทั้งเที่ยวไปและกลับ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งท่าอากาศยานพาโร นับเป็นท่าอากาศยานที่มีความยากในการนำเครื่องขึ้นและลงจอดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังทรงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการเรียนการสอนทางวิศวกรรมศาสตร์ โดยทรงรับกองทุนเพื่อการศึกษาและวิจัยทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ และโครงการเหรียญรางวัลเรียนดี ของนิสิต นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากนี้ ยังทรงพระปรีชาสามารถในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางด้านวิศวกรรมมาประยุกต์ใช้ในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎรและประเทศชาติเป็นอเนกอนันต์

สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยพระวิริยอุตสาหะ ทั้งด้านการทหาร การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และการต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงพระปรีชาสามารถด้านภาษาและการสื่อสาร ทรงใช้ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสอย่างแตกฉาน ทั้งยังทรงใช้ประกอบในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจสำคัญต่าง ๆ ที่โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงเยือนต่างประเทศ ทรงรับประมุขและผู้นำประเทศต่าง ๆ และพระราชทานพระราชวโรกาสให้บุคคลสำคัญและทูตานุทูตต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท อีกทั้งยังทรงดำรงพระองค์เป็นทูตทางภาษาและวัฒนธรรมไทยในเวทีโลก โดยทรงมีพระราชดำรัส ทรงกล่าวสุนทรพจน์ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในเวทีการประชุมต่าง ๆ เป็นที่ประจักษ์ชัดถึงพระปรีชาสามารถทางด้านภาษาและการสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในการอนุรักษ์และจรรโลงภาษาไทย สร้างความภาคภูมิใจแก่ประชาชนชาวไทยทั้งปวง.-211-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]