เร่งขยายผลลักพาตัว “น้องจีน่า” ตร.เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการ-จ่อแจ้งข้อหา “อาผะ”

เชียงใหม่ 9 ก.ย. -เร่งขยายผลคดีลักพาตัว “น้องจีน่า” หลังพบพิรุธหลายจุด ตำรวจคุมตัวชาย 1 คน และหญิงอีก 2 คน ไปสอบสวนเพิ่มเติม เตรียมแจ้งข้อหา “อาผะ” พรากผู้เยาว์ ขณะที่น้องจีน่าร่างกายฟื้นตัวดี แต่ต้องรอผลตรวจอย่างละเอียด


ความคืบหน้าประเด็นน้องจีน่า ถูกนายอาผะลักพาตัวไปจากครอบครัว โดยอ้างนำไปทิ้งในถ้ำเพื่อสังเวยเจ้าป่าเจ้าเขา แต่ยังมีหลายเรื่องที่สังคมกังขา ล่าสุดตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ และเชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการ ขณะที่น้องจีน่ายังอยู่ในการดูแลของแพทย์ อาการล่าสุดถือว่าไม่น่าห่วง แต่ยังรอผลตรวจอย่างละเอียด

ภายหลังน้องจีน่า เด็กหญิงวัย 1 ขวบ 11 เดือน ได้รับการช่วยเหลือลงจากกระท่อมเถียงนาที่มีลักษณะเป็นเพิงพักอยู่บนภูเขา หลังนายเสี่ยว หรือ นายอาผะ ซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อเด็ก สารภาพเป็นผู้ลงมือก่อเหตุลักพาตัวน้องจีน่า โดยอ้างนำเด็กใส่ผ้าขาวม้าผูกเอวขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปหลายที่ ก่อนพาไปทิ้งหน้าถ้ำบนภูเขาสูงชัน เพราะต้องการนำไปสังเวยเจ้าป่าเจ้าเขา และช่วงที่ทิ้งไว้ได้โยนกล้วย 1 ลูกไว้ให้กินด้วย แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ไม่พบตัวน้องที่ถ้ำ กลับมีญาติของแม่ไปพบน้องอยู่ที่กระท่อมเถียงนาในลักษณะที่น้องไม่มีร่องรอยบาดแผล ทั้งๆ ที่อยู่ในป่า ขนาดเจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยน้องยังขึ้นไปยาก ทำให้ผิดสังเกตที่ว่าน้องจะเดินจากถ้ำไปอยู่ที่กระท่อมเถียงนาได้ ทำให้คำให้การต่างๆ ของนายอาผะ ตำรวจ สภ.แม่แตง ไม่ปักใจเชื่อ


ขณะที่ พ.ต.อ.กณฐภณ แก้วกำเนิด ผู้กำกับการ สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เตรียมแจ้งข้อหานายอาผะ ฐานพรากผู้เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา เพราะมีพฤติการณ์ชัดเจนว่าน้องจีน่าถูกอุ้มและนำไปซ่อนตัวไว้ที่อื่น ก่อนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่และถูกกดดันหนัก หลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ระดมค้นหา จนทำให้ผู้กระทำผิดเริ่มหวาดกลัวและนำตัวน้องจีน่าไปทิ้งไว้ที่กระท่อมจนพบตัว นอกจากนี้ยังเตรียมนำตัวนายอาผะมาเค้นสอบเพิ่ม เพราะเชื่อต้องมีมากกว่า 1 คนที่ทำเรื่องนี้

ด้านชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่หมู่บ้านห้วยฝักดาบ เพื่อเก็บข้อมูลอีกครั้ง พร้อมนำสหวิชาชีพซักถามข้อมูลกับน้องจูเนียร์ พี่ชายน้องจีน่า ที่เป็นคนแรกในการชี้เป้าบอกแม่ว่า เห็นน้องถูกนายอาผะอุ้มขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไป รวมถึงจะสอบพ่อแม่น้องจีน่าเพิ่ม เพื่อนำเรื่องราวทั้งหมดไปเชื่อมโยงรวบรวมหลักฐานแจ้งข้อหากับคนที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ที่ สภ.แม่แตง นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ทีมงานที่เป็นกลุ่มแรกๆ ในการเข้าช่วยค้นหาตัวน้องจีน่า ได้เดินทางเข้าพบตำรวจเพื่อประสานให้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กหายที่เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วย เนื่องจากมีข้อกังขาหลายเรื่อง พร้อมอธิบายลักษณะเด็กหายว่า ปกติจะมีลักษณะที่หายจากโรงพยาบาลและถูกนำไปเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นทารก กับพลัดหลงจากพ่อแม่และถูกกลุ่มคนเร่ร่อนนำเด็กไปขอทาน แต่ลักษณะการค้ามนุษย์ในเด็กที่มีอายุเพียง 1 ขวบ 11 เดือน ไม่น่าเป็นไปได้ รวมถึงตั้งข้อสังเกตว่าข้อเท็จจริงการพบตัวของน้องจีน่าบนพื้นที่สูง แต่กลับไม่มีร่องรอยการขับถ่าย ซึ่งเป็นอีกข้อที่มองว่าเป็นไปไม่ได้ที่น้องจะมาอยู่ในกระท่อมเถียงนาเองได้


ข้อสังเกตนี้มูลนิธิกระจกเงาได้โพสต์ 10 ข้อเท็จจริงและข้อสังเกตการพบตัวน้องจีน่า ตอกย้ำให้สังคมร่วมจับตาคดีนี้ไว้ว่า เด็กหายตัวออกจากบ้านไปนาน 2 วัน 18 ชั่วโมง บ้านเด็กอยู่ห่างจากจุดเพิงพักที่พบตัวประมาณ 500 เมตร เป็นเส้นทางพื้นราบประมาณ 270 เมตร และเป็นเส้นทางเขาลักษณะสูงชั้นประมาณ 230 เมตร ลักษณะเส้นทาง สำหรับเด็กอายุ 1 ขวบ 11 เดือน ไม่สามารถเดินมาได้เองตามลำพัง และในวัยที่ซุกซน ไม่น่าจะนอนนิ่งๆ ในเพิงพักขนาด 2.5×2.5 เมตร ได้เกือบ 3 วันตามลำพัง ประกอบกับลักษณะเพิงพักที่พบน้องทำด้วยไม้ ไม่มีรั้วรอบขอบชิด สร้างบนเขา ถ้าเด็กเดินออกมาเสี่ยงสูงที่จะลื่นตกเขา นอกจากนี้หมู่บ้านตั้งอยู่ไกลจากถนนใหญ่ 10 กิโลเมตร เส้นทางส่วนใหญ่ค่อนข้างเปลี่ยว มีบ้านคนน้อย หากเลือกพาเด็กออกนอกพื้นที่ สามารถทำได้โดยง่าย และที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยพบข้อมูลการลักพาตัวเด็กเพื่อบูชายัญ แต่ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระทำทางเพศ เพื่อความเสน่หาเอาไปเลี้ยงดู เพื่อเอาไปเร่ร่อนขอทาน และสร้างสถานการณ์โดยคนในครอบครัวหรือคนที่รู้จักหรือมีความขัดแย้งกับคนในครอบครัว ซึ่งกรณีการหายตัวไปของน้องจีน่า อาจมีข้อเท็จจริงอื่นที่ยังไม่ปรากฏในตอนนี้

ส่วนอาการน้องจีน่าที่ยังอยู่ระหว่างพักฟื้นที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ตอนนี้ทีมแพทย์และพ่อแม่คอยดูแลใกล้ชิด ล่าสุด นพ.วรเชษฐ์ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า แพทย์ได้ให้การดูแลน้องจีน่าพร้อมกับพ่อแม่ โดยให้พักฟื้นด้วยกันในห้องความดันลบ ตามมาตรการ ซึ่งอาการทั่วไปปลอดภัย ฟื้นตัวได้ดี แต่ยังต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยรวมทั้งหมดถือว่ายังไม่มีอะไรน่าห่วง และจะแถลงอาการต่างๆ ผ่านทางเพจของโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่

คดีนี้ต้องจับตา เพราะอาจพูดว่าไม่คล้ายก็ใกล้เคียงกับน้องชมพู่ แต่มีปาฏิหาริย์ที่น้องจีน่าสามารถรอดชีวิตมาได้ และล่าสุดมีรายงานว่า ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้คุมตัวชาย 1 คน และหญิงอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนในครอบครัวของน้องจีน่าจากหมู่บ้านห้วยฝักดาบ ไปสอบปากคำเพิ่มเติมตามคำให้การซัดทอดของนายอาผะ ที่อ้างว่าเป็นผู้จ้างวานให้ลักพาตัวน้องจีน่า ตำรวจจึงต้องเชิญตัวไปสอบปากคำ เนื่องจากที่ผ่านมา นายอาผะให้การวกวน กลับไปกลับมา หลังจากเมื่อวานนี้เพิ่งซัดทอดลูกเลี้ยงของตัวเองว่าเป็นผู้บงการให้ลักพาตัวน้องจีน่า. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย