เร่งขยายผลลักพาตัว “น้องจีน่า” ตร.เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการ-จ่อแจ้งข้อหา “อาผะ”

เชียงใหม่ 9 ก.ย. -เร่งขยายผลคดีลักพาตัว “น้องจีน่า” หลังพบพิรุธหลายจุด ตำรวจคุมตัวชาย 1 คน และหญิงอีก 2 คน ไปสอบสวนเพิ่มเติม เตรียมแจ้งข้อหา “อาผะ” พรากผู้เยาว์ ขณะที่น้องจีน่าร่างกายฟื้นตัวดี แต่ต้องรอผลตรวจอย่างละเอียด


ความคืบหน้าประเด็นน้องจีน่า ถูกนายอาผะลักพาตัวไปจากครอบครัว โดยอ้างนำไปทิ้งในถ้ำเพื่อสังเวยเจ้าป่าเจ้าเขา แต่ยังมีหลายเรื่องที่สังคมกังขา ล่าสุดตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ และเชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการ ขณะที่น้องจีน่ายังอยู่ในการดูแลของแพทย์ อาการล่าสุดถือว่าไม่น่าห่วง แต่ยังรอผลตรวจอย่างละเอียด

ภายหลังน้องจีน่า เด็กหญิงวัย 1 ขวบ 11 เดือน ได้รับการช่วยเหลือลงจากกระท่อมเถียงนาที่มีลักษณะเป็นเพิงพักอยู่บนภูเขา หลังนายเสี่ยว หรือ นายอาผะ ซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อเด็ก สารภาพเป็นผู้ลงมือก่อเหตุลักพาตัวน้องจีน่า โดยอ้างนำเด็กใส่ผ้าขาวม้าผูกเอวขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปหลายที่ ก่อนพาไปทิ้งหน้าถ้ำบนภูเขาสูงชัน เพราะต้องการนำไปสังเวยเจ้าป่าเจ้าเขา และช่วงที่ทิ้งไว้ได้โยนกล้วย 1 ลูกไว้ให้กินด้วย แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ไม่พบตัวน้องที่ถ้ำ กลับมีญาติของแม่ไปพบน้องอยู่ที่กระท่อมเถียงนาในลักษณะที่น้องไม่มีร่องรอยบาดแผล ทั้งๆ ที่อยู่ในป่า ขนาดเจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยน้องยังขึ้นไปยาก ทำให้ผิดสังเกตที่ว่าน้องจะเดินจากถ้ำไปอยู่ที่กระท่อมเถียงนาได้ ทำให้คำให้การต่างๆ ของนายอาผะ ตำรวจ สภ.แม่แตง ไม่ปักใจเชื่อ


ขณะที่ พ.ต.อ.กณฐภณ แก้วกำเนิด ผู้กำกับการ สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เตรียมแจ้งข้อหานายอาผะ ฐานพรากผู้เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา เพราะมีพฤติการณ์ชัดเจนว่าน้องจีน่าถูกอุ้มและนำไปซ่อนตัวไว้ที่อื่น ก่อนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่และถูกกดดันหนัก หลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ระดมค้นหา จนทำให้ผู้กระทำผิดเริ่มหวาดกลัวและนำตัวน้องจีน่าไปทิ้งไว้ที่กระท่อมจนพบตัว นอกจากนี้ยังเตรียมนำตัวนายอาผะมาเค้นสอบเพิ่ม เพราะเชื่อต้องมีมากกว่า 1 คนที่ทำเรื่องนี้

ด้านชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่หมู่บ้านห้วยฝักดาบ เพื่อเก็บข้อมูลอีกครั้ง พร้อมนำสหวิชาชีพซักถามข้อมูลกับน้องจูเนียร์ พี่ชายน้องจีน่า ที่เป็นคนแรกในการชี้เป้าบอกแม่ว่า เห็นน้องถูกนายอาผะอุ้มขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไป รวมถึงจะสอบพ่อแม่น้องจีน่าเพิ่ม เพื่อนำเรื่องราวทั้งหมดไปเชื่อมโยงรวบรวมหลักฐานแจ้งข้อหากับคนที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ที่ สภ.แม่แตง นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ทีมงานที่เป็นกลุ่มแรกๆ ในการเข้าช่วยค้นหาตัวน้องจีน่า ได้เดินทางเข้าพบตำรวจเพื่อประสานให้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กหายที่เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วย เนื่องจากมีข้อกังขาหลายเรื่อง พร้อมอธิบายลักษณะเด็กหายว่า ปกติจะมีลักษณะที่หายจากโรงพยาบาลและถูกนำไปเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นทารก กับพลัดหลงจากพ่อแม่และถูกกลุ่มคนเร่ร่อนนำเด็กไปขอทาน แต่ลักษณะการค้ามนุษย์ในเด็กที่มีอายุเพียง 1 ขวบ 11 เดือน ไม่น่าเป็นไปได้ รวมถึงตั้งข้อสังเกตว่าข้อเท็จจริงการพบตัวของน้องจีน่าบนพื้นที่สูง แต่กลับไม่มีร่องรอยการขับถ่าย ซึ่งเป็นอีกข้อที่มองว่าเป็นไปไม่ได้ที่น้องจะมาอยู่ในกระท่อมเถียงนาเองได้


ข้อสังเกตนี้มูลนิธิกระจกเงาได้โพสต์ 10 ข้อเท็จจริงและข้อสังเกตการพบตัวน้องจีน่า ตอกย้ำให้สังคมร่วมจับตาคดีนี้ไว้ว่า เด็กหายตัวออกจากบ้านไปนาน 2 วัน 18 ชั่วโมง บ้านเด็กอยู่ห่างจากจุดเพิงพักที่พบตัวประมาณ 500 เมตร เป็นเส้นทางพื้นราบประมาณ 270 เมตร และเป็นเส้นทางเขาลักษณะสูงชั้นประมาณ 230 เมตร ลักษณะเส้นทาง สำหรับเด็กอายุ 1 ขวบ 11 เดือน ไม่สามารถเดินมาได้เองตามลำพัง และในวัยที่ซุกซน ไม่น่าจะนอนนิ่งๆ ในเพิงพักขนาด 2.5×2.5 เมตร ได้เกือบ 3 วันตามลำพัง ประกอบกับลักษณะเพิงพักที่พบน้องทำด้วยไม้ ไม่มีรั้วรอบขอบชิด สร้างบนเขา ถ้าเด็กเดินออกมาเสี่ยงสูงที่จะลื่นตกเขา นอกจากนี้หมู่บ้านตั้งอยู่ไกลจากถนนใหญ่ 10 กิโลเมตร เส้นทางส่วนใหญ่ค่อนข้างเปลี่ยว มีบ้านคนน้อย หากเลือกพาเด็กออกนอกพื้นที่ สามารถทำได้โดยง่าย และที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยพบข้อมูลการลักพาตัวเด็กเพื่อบูชายัญ แต่ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระทำทางเพศ เพื่อความเสน่หาเอาไปเลี้ยงดู เพื่อเอาไปเร่ร่อนขอทาน และสร้างสถานการณ์โดยคนในครอบครัวหรือคนที่รู้จักหรือมีความขัดแย้งกับคนในครอบครัว ซึ่งกรณีการหายตัวไปของน้องจีน่า อาจมีข้อเท็จจริงอื่นที่ยังไม่ปรากฏในตอนนี้

ส่วนอาการน้องจีน่าที่ยังอยู่ระหว่างพักฟื้นที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ตอนนี้ทีมแพทย์และพ่อแม่คอยดูแลใกล้ชิด ล่าสุด นพ.วรเชษฐ์ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า แพทย์ได้ให้การดูแลน้องจีน่าพร้อมกับพ่อแม่ โดยให้พักฟื้นด้วยกันในห้องความดันลบ ตามมาตรการ ซึ่งอาการทั่วไปปลอดภัย ฟื้นตัวได้ดี แต่ยังต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยรวมทั้งหมดถือว่ายังไม่มีอะไรน่าห่วง และจะแถลงอาการต่างๆ ผ่านทางเพจของโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่

คดีนี้ต้องจับตา เพราะอาจพูดว่าไม่คล้ายก็ใกล้เคียงกับน้องชมพู่ แต่มีปาฏิหาริย์ที่น้องจีน่าสามารถรอดชีวิตมาได้ และล่าสุดมีรายงานว่า ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้คุมตัวชาย 1 คน และหญิงอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนในครอบครัวของน้องจีน่าจากหมู่บ้านห้วยฝักดาบ ไปสอบปากคำเพิ่มเติมตามคำให้การซัดทอดของนายอาผะ ที่อ้างว่าเป็นผู้จ้างวานให้ลักพาตัวน้องจีน่า ตำรวจจึงต้องเชิญตัวไปสอบปากคำ เนื่องจากที่ผ่านมา นายอาผะให้การวกวน กลับไปกลับมา หลังจากเมื่อวานนี้เพิ่งซัดทอดลูกเลี้ยงของตัวเองว่าเป็นผู้บงการให้ลักพาตัวน้องจีน่า. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]