เปิดคลิปเสียง อ้างถูกคนในเครื่องแบบอุ้ม รีดเงินแลกปล่อยตัว

จันทบุรี 25 เม.ย. – แม่ร้องทุกข์สื่อ ไขปมคลิปเสียงสนทนากับลูกสาว หลังถูกคนในเครื่องแบบอุ้มหายตัวไปกักขัง อ้างถูกจับยาเสพติด พร้อมรีดเงิน 30,000 แลกกับการปล่อยตัวลูกสาว


คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยได้รับการร้องเรียนจากนางนิ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ชาวบ้าน อ.นายายอาม จ.จันทบุรี อาชีพรับจ้าง เดินทางมาพบ พร้อมนำหลักฐานเป็นเอกสารบันทึกการแจ้งความ และคลิปเสียงที่เป็นการสนทนา ระหว่างนางนก กับ น้องไหม (นามสมมุติ) ผู้เป็นลูกสาว ที่ถูกคนในเครื่องแบบอุ้มตัวไปกักขังยังสถานที่แห่งหนึ่ง อ้างว่าถูกจับคดียาเสพติด พร้อมเรียกเงิน 30,000 บาท ไปไถ่ตัว แลกกับอิสรภาพของลูกสาวนางนก

จากการตรวจสอบคลิปเสียงดังกล่าว พบเป็นการสนทนาพูดคุยกันระหว่างนางนิ กับ น้องไหม ลูกสาว โดยลูกสาวได้ส่งเสียงคล้ายกับถูกบังคับข่มขู่ เร่งเร้าสอบถามแม่ว่า เดินทางถึงไหนแล้ว พร้อมกับหันไปเรียกบุคคลในห้อง ว่า “พี่ๆ แม่กำลังเดินทางมา และจะมาคุยที่ห้อง” แต่บุคคลในห้องไม่ส่งเสียงตอบรับ


ขณะที่นางนกได้พูดตอบว่า กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปหา ให้รอก่อน รีบไม่ได้ เพราะฝนตก พร้อมพยายามสอบถามลูกสาวว่า เขาต้องการเงินเท่าไหร่ 30,000 บาทหรือเปล่า จะได้เตรียมเข้าไป และถามอีกว่าเป็นค่าปรับหรือค่าอะไร และจะได้เงินคืนไหม

ด้านลูกสาวได้พูดตอบกลับไปว่า หนูถูกจับอยู่นี่ เขาไม่คุยด้วย ให้แม่รีบมาคุยที่ห้องแผนก ข้างหลัง…. (สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง) และถามย้ำซ้ำๆ ว่าถึงไหนแล้ว ก่อนที่เสียงถูกตัดไป

จากการสอบถามนางนก ผู้เสียหาย บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 เม.ย.64 เวลาประมาณ 20.00 น. น้องไหม ลูกสาว ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านที่อำเภอนายายอาม แล้วหายตัวไป


ต่อมาวันที่ 20 เม.ย.64 นางนกได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากลูกสาวว่า ถูกเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบจับกุมตัวในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานที่แห่งหนึ่ง ขอให้นางนก ผู้เป็นแม่ นำเงินจำนวน 30,000 บาท ไปให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เพื่อจะได้รับการปล่อยตัว แต่ตนเองเห็นว่าลูกสาวอยู่ในระหว่างฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และพักอาศัยอยู่กับตนเองตลอดเวลา ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก จึงไม่นำเงินไปมอบให้

ในวันเดียวกัน (20 เม.ย.) เวลา 13.40 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวน้องไหม ลูกสาวของนางนก พร้อมของกลาง เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนัก 3.80 กรัม โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.นายายอาม เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองคิดว่าเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล และมีเงื่อนงำน่าสงสัยหลายอย่าง เบื้องต้นจึงได้นำคลิปเสียงและหลักฐานอื่นๆ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.นายายอาม ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกลุ่มนี้ ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้รับข้อมูลอีกว่า ยังมีผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายเคส

เบื้องต้น ได้มีการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว และผู้เสียหายจะรวมตัวกันนำหลักฐานเข้าร้องทุกข์กับนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าฯ จันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) เพื่อขอความเป็นธรรมด้วย และเร่งรัดให้ดำเนินคดีต่อไป

ว่าที่เรือเอกอธิคม พัฒนโชติ นักกฎหมาย มองว่า ปัญหาเรื่องการยัดข้อหา หรือแต่งสำนวนเพื่อเพิ่มโทษผู้ต้องหาในคดียาเสพติดเกิดขึ้นมานานแล้ว คดียาเสพติดจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ผู้เสพ กับ ผู้ค้า ถ้าถูกจับในฐานะผู้เสพ หรือครอบครองเพื่อเสพ อัตราโทษส่วนใหญ่มักส่งตัวไปบำบัดฟื้นฟูในเรือนจำ โดยศาลจากกำหนดระยะเวลาในการบำบัด แต่ในกรณีครอบครองเพื่อจำหน่าย อัตราโทษจะสูงขึ้น โทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 15 ปี ปรับตั้งแต่ 80,000-300,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ

กรณีการร้องเรียนในหลายจังหวัด ในช่วงนี้ว่าถูกตำรวจยัดข้อหาหรือเขียนสำนวนเพิ่มปริมาณตัวยาสูงกว่าที่ถูกจับกุม หากพิสูจน์ทราบและพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดตามที่ถูกร้องเรียน จะมีความผิดตามกฎหมายหลายมาตรา ประกอบด้วย

1.มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.มาตรา 172 เป็นเจ้าพนักงาน (ในกรณีตำรวจสืบจับและส่ง พนง.สอบสวน โดยระบุตัวเลขยาเกินจริง) แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานในการยุติธรรม มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.มาตรา 174 วรรค 2 แกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษหรือให้ได้รับโทษหนักขึ้น คุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

4.มาตรา 179 ทำพยานหลักฐานเท็จ เพื่อแจ้งให้พนักงานสอบสวน ว่าได้กระทำผิดอาญา หรือกระทำผิดอาญาร้ายแรงกว่าความเป็นจริง อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจาก 4 ข้อหาข้างต้นแล้ว หากคดีเข้าสู่ชั้นศาล ตำรวจกระทำผิดเพิ่ม จะเข้าสู่ความผิดข้อหาที่ 5. มาตรา 180 วรรค 2 นำสืบและแสดงหลักฐานเท็จ ในคดีอาญา อัตราโทษไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท

6.ซึ่งเป็นข้อหาที่สำคัญ มาตรา 200 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม กลั่นแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษ หรือรับโทษหนักขึ้น อาจถูกลงโทษ ถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต หรือคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 20 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-400,000 และยังส่งผลต่อไปยังความผิดทางวินัยร้ายแรง ของต้นสังกัด สตช.ด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]

“รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์

วัดไตรมิตร 14 ก.ค.- “รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์ ชี้ต้องร่วมมือกัน ทั้งตำรวจ-มส.-พศ. ย้ำต้องเร่งแก้ให้เร็วที่สุด ก่อนประชาชนหมดศรัทธา สั่งสำนักพุทธฯ ดูกฎหมายอาญา 206 เอาผิดสีกา ก. ได้หรือไม่ ย้อนถาม พศ. ทำไมไม่รู้ จี้ให้ทำงานเชิงรุก บอกหลัง 1 ต.ค.นี้ ทุกวัดต้องส่งรายงานการเงินทุกเดือนและทุกปี ตามกฎกระทรวงใหม่ นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อมาถึงได้เข้ากราบสักการะสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ก่อนเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เพื่อรับแนวทางปฏิบัติ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายหลังการเข้าพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) นานกว่า 30 นาที นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องสงฆ์ที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคม มีการประชุมตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเป็นการประชุมเร่งด่วนฉุกเฉิน […]