รวบหนุ่มติดกำไลอีเอ็ม ขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

13 มี.ค. – ตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงจับเครือข่ายยาเสพติด ฉายา “กลุ่มนักบินเพชรบูรณ์” ยึดยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด กัญชากว่า 1,000 กก. พบหนึ่งในผู้ต้องหายังติดกำไลอีเอ็มคุมประพฤติ ด้านกรมคุมประพฤติออกหนังสือขอชี้แจงทันทีว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าว ปัจจุบันไม่ได้เป็นผู้ถูกคุมความประพฤติ และไม่ได้ติดกำไล EM


พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง แถลงผลจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด พร้อมของกลางจำนวนหลายคดี ได้ผู้ต้องหา 15 คน ยึดอายัดยาบ้าได้มากกว่า 5 ล้านเม็ด

คดีแรกจับกุมนายวีรศักดิ์ ทองปิก หรือ อ๊อฟ อายุ 33 ปี ฉายา “กลุ่มนักบินเพชรบูรณ์” ยึดของกลางยาบ้า 5.32 ล้านเม็ด รถยนต์ และโทรศัพท์มือถือ โดยจับกุมได้หลังตำรวจสืบทราบว่านายวีรศักดิ์เป็นผู้รับจ้างขนยาเสพติดจากแนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ตอนใน ใช้รถกระบะเป็นพาหนะในการขนยาเสพติด จนกระทั่งชุดสืบสวนวางแผนเข้าจับกุม ขณะกำลังนำยาบ้าเตรียมไปส่งมอบให้กับเครือข่ายบริเวณถนนสายวังสะพุง-หล่มเก่า จ.เลย


พล.ต.ท.มนตรี ระบุว่า คดียาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมอ้างว่าเพิ่งรับจ้างขนยาบ้าเป็นครั้งแรก แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบว่าผู้ต้องหาถูกติดกำไลอีเอ็มควบคุมความประพฤติ และเคลื่อนไหวออกนอกบริเวณที่ถูกควบคุม จากนี้จะประสานไปยังกรมควบคุมความประพฤติว่าเหตุใดกำไลที่ติดตัวผู้ต้องหาจึงไม่ทำงาน ส่วนยาบ้าทั้งหมดจะส่งกระจายใน จ.ปทุมธานี และเชื่อว่าส่วนหนึ่งเตรียมส่งออกไปต่างประเทศด้วย จากนี้ต้องขยายผลไปถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเป็นนายทุนสนับสนุนผู้ต้องหาพร้อมเครือข่ายรายอื่น

ด้านกรมคุมประพฤติ ชี้แจงกรณีผู้ต้องหาถูกจับกุมคดียาเสพติดที่ จ.เพชรบูรณ์ จากข่าวออนไลน์ไม่ได้ติดกำไลอีเอ็ม ว่าจากกรณีปรากฏข่าวสื่อออนไลน์ในวันนี้ (13 มี.ค.) เกี่ยวกับการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติ (บช.ปส.) ได้ผู้ต้องหาชื่อ นายวีรศักดิ์ ทองปิก อายุ 33 ปี ชาว ต.ระวิง อ.เมืองเพชรบูรณ์ โดยเนื้อหาข่าวระบุว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวอยู่ระหว่างถูกติดอุปกรณ์ EM เพื่อคุมความประพฤติ

กรมคุมประพฤติขอชี้แจงว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าว ปัจจุบันไม่ได้เป็นผู้ถูกคุมความประพฤติ และไม่ได้ติด EM ซึ่งอุปกรณ์ EM เป็นเครื่องมือในการติดตามเฝ้าระวังผู้กระทำผิดว่า ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือไม่ และข้อมูลการเคลื่อนไหวของผู้ติด EM เป็นประโยชน์แก่ทางราชการตำรวจ ซึ่งสามารถประสานความร่วมมือมายังกรมคุมพฤติได้


ทั้งนี้ หากผู้ที่ติด EM มีการฝ่าฝืนก็จะมีมาตรการลงโทษทันที คือ การถูกควบคุมตัวให้รับโทษจำคุกที่เหลืออยู่ ในกรณีที่ได้รับการพักการลงโทษจำคุก และอาจได้รับโทษเพิ่มขึ้น EM จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการติดตาม ไม่ใช่เครื่องมือที่จะไปปรับความคิดโดยตรง แต่ถ้ากระทำผิดอีกจะตามตัวได้

นอกจากนี้ ตำรวจยังจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดยาเสพติดได้อีก 2 คดี ในพื้นที่ จ.เลย และอุดรธานี รวมยาบ้าของกลาง 1.84 แสนเม็ด ซึ่งทั้ง 2 คดี ผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดที่ลักลอบลำเลียงยาของกลางมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีชาวลาวร่วมขบวนการด้วย

อีกคดีตรวจยึดกัญชากว่า 1,000 กิโลกรัม ไอซ์น้ำหนัก 44 กรัม ยาบ้า 69 เม็ด ยาอี 10 เม็ด เคตามีนชนิดน้ำ 99 ขวด เคตามีนชนิดผง 700 กรัม และอาวุธปืน 3 กระบอก พร้อมกระสุน ผู้ต้องหา 8 คน และตรวจยึดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบ คือทาวน์เฮาส์ 1 หลัง รถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืนยาว 2 กระบอก รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดเบื้องต้นประมาณ 4,500,000 บาท เครือข่ายนี้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมขณะผู้ต้องหากำลังลำเลียงกัญชาซึ่งนำมาพักไว้ในบ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 2 เขตบางแค กรุงเทพฯ เพื่อส่งออกไปในประเทศที่สาม

รวบ 2 สาวค้ายาเสพติด
ส่วนที่ จ.สุพรรณบุรี ไปดูนาทีที่ปลัดอำเภอเมืองสุพรรณบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ชุดปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดชุดที่ 2 ส่งสายลับเข้าทำการล่อซื้อยาเสพติดและจับกุม น.ส.ศศิ หรือป๊อบ น.ส.สุณิสาหรืออ้อม พร้อมของกลางยาบ้า 1,409 เม็ด ไอซ์น้ำหนัก 11.79 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในถุงขนมขบเคี้ยวที่ น.ส.ศศิ ถืออยู่ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รถกระบะ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ผก 6196 สุพรรณบุรี 1 คัน ขณะทั้งสองขับมาส่งยาเสพติดให้สายลับริมถนนเลียบคลองชลประทาน สายท่าเสด็จ-สามชุก ม.1 ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แต่ถูกรวบได้ก่อน

น.ส.ศศิ กล่าวทั้งน้ำตาว่า เคยติดคุกคดียาเสพติดมาแล้ว เพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นาน ไม่มีงานทำ จึงชักชวน น.ส.สุณิสา มาจำหน่ายยาบ้า ไอซ์ให้กลุ่มวัยรุ่นใน จ.สุพรรณบุรี เพราะได้เงินดี จนมาถูกจับในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันมียาบ้าและยาไอซ์ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.สระแก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ลวงมาฆ่า จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน 14 ล้าน

สุดโหด หนุ่มสกลนครถูกญาติตัวเองร่วมมือกับอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน ลวงมาฆ่า ก่อนจัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ 3 คัน รวม 14 ล้านบาท แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพบพิรุธ แจ้งตำรวจตรวจสอบ ก่อนออกหมายจับเบื้องต้น 4 คน

พระยันตระ

ปิดตำนาน “อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตในวัย 73 ปี ที่สหรัฐ

“อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 73 ปี ที่วัดในสหรัฐอเมริกา ปิดตำนานอดีตพระภิกษุที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดรูปหนึ่งของวงการสงฆ์ไทย

อดีตผู้บังคับบัญชา “ผู้กำกับโจ้” เผยสมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร

อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดประวัติอดีตผู้กำกับโจ้ สมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร เชื่อได้รับผลกรรมที่ทำแล้ว

ข่าวแนะนำ

ผู้กำกับโจ้ตาย

ครอบครัวยื่น DSI สอบการตายอดีต ผกก.โจ้-ยันไม่เคยมอบ “อัจฉริยะ” มาดูแลคดี

ครอบครัวยื่นคำร้อง DSI ตรวจสอบหาสาเหตุการตาย อดีตผู้กำกับกับโจ้ เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ ย้ำยังเชื่อใจตำรวจแต่ต้องการให้หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบหาข้อมูลข้อเท็จจริงด้วย พร้อมระบุไม่เคยมอบหมายให้ “อัจฉริยะ” เข้ามาดูคดีการตาย ของอดีตผู้กำกับโจ้แต่อย่างใด

ดูเตอร์เตถูกจับ

“โรดดิโก ดูเตอร์เต” ถูกจับกุมปมสงครามยาเสพติด

นายโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกตำรวจเข้าจับกุมตามหมายจับศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี จากกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในระหว่างการทำสงครามกับยาเสพติด

ผู้กำกับโจ้

“ทวี” ยันไม่ปกป้องคนผิดคดี “อดีต ผกก.โจ้” ยังไม่ย้าย ผบ.คุก

“ทวี” ยัน ไม่ปกป้องคนผิด คดีอดีต ผกก.โจ้ ยันกฎหมายอยู่เหนือระเบียบราชทัณฑ์ ยังไม่ย้าย ผบ.คุก ให้รอผลสอบสวน พร้อมโชว์สื่อเปิดวงจรปิดฉบับเต็ม