ภูมิภาค 16 ส.ค. – จ.เชียงใหม่ ฝนตกหนัก น้ำท่วมถนนทางไป อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน บางจุดสูงกว่า 1 เมตร รถเล็กผ่านไม่ได้ ส่วน จ.น่าน เร่งช่วยหมู่บ้านถูกน้ำป่ากัดเซาะถนนขาด ชาวบ้านต้องเดินเท้าออกมา
ฝนตกหนักน้ำท่วมเส้นทางฮอด-แม่สะเรียง
ฝนที่ตกหนักในพื้นที่อำเภอทางตอนใต้ของ จ.เชียงใหม่ ทำให้แม่น้ำแจ่มมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ล้นตลิ่งท่วมถนนสายหลัก อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ไป อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน บริเวณหลัก กม.ที่ 7-10 เป็นช่วงๆ เขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง พื้นที่ ต.หางดง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำสูง 70 เซนติเมตร บางจุดสูงกว่า 1 เมตร
สถานีตำรวจภูธรฮอด รายงานน้ำแม่แจ่มท่วมถนนเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน หลัก กม.ที่ 7 มีน้ำป่าไหลหลากจากลำห้วยเป็นสันเขาไหลหลากลงถนน ส่วนบริเวณหลัก กม.ที่ 10-11 มีน้ำแม่แจ่มเอ่อล้นบนพื้นผิวจราจรและมีแนวโน้มระดับน้ำสูงขึ้น รถเล็กผ่านไม่ได้ แจ้งประชาชนหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทาง อ.แม่แจ่ม หรือเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรายงานปริมาณน้ำแม่แจ่ม ที่ท่วมถนนเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน บริเวณหลัก กม.ที่ 10 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอุทยานฯ ยังมีฝนตกต่อเนื่อง สูงขึ้นกว่า 1.20 เมตร รถเล็กผ่านไม่ได้
เร่งช่วยเหลือหมู่บ้านห้วยโทน น้ำป่ากัดเซาะถนนขาด
ส่วนที่ จ.น่าน นายธีระ แก้วมา นายอำเภอบ่อเกลือ นำคณะลงพื้นที่บ้านห้วยโทน ม.2 ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ ช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุมู่หลาน มีดินสไลด์ปิดถนนทางเข้าหมู่บ้าน ถนนขาด ไม่สามารถสัญจรได้ เบื้องต้นเส้นทางเข้าบ้านห้วยโทนที่เดินทางมาจากหมู่บ้านสะปัน ถูกตัดขาด รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ต้องเดินเท้าข้ามเท่านั้น ทำให้การช่วยเหลือต่างๆ เป็นด้วยความยากลำบาก
สำหรับหมู่บ้านสะปัน เจ้าหน้าที่เร่งพื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุมู่หลาน เคลียร์เส้นทางในหมู่บ้าน รวมทั้งเส้นทางถนนหมายเลข 1081 อ.สันติสุข-อ.บ่อเกลือ ซึ่งถนนชำรุดเสียหาย มีดินสไลด์ลงข้างทางหลายจุด เจ้าหน้าที่ได้เปิดเส้นทางและนำป้ายแจ้งเตือนไว้เป็นระยะ นักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นไปเที่ยว ใช้เส้นทางถนนหมายเลข 1081 อ.สันติสุข-อ.บ่อเกลือ โปรดใช้ความระมัดระวังใช้การเดินทาง
บิ๊กคลีนนิ่งบ้านเรือน ตลาดชายแดนไทย-เมียนมา
น้ำจากลำน้ำสายทะลักเข้าท่วมชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 13-14 ส.ค. จนล่าสุดน้ำแห้งลงแล้วนั้น ทางจังหวัดระดมจิตอาสาร่วม Big Cleaning ทำความสะอาดบริเวณหน้าด่านพรมแดน และชุมชนต่างๆ เพื่อชำระล้างถนน และพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะตลาดชายแดน เพื่อเปิดใช้งานได้เหมือนเดิม พบว่าเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีดินและทรายจำนวนมากที่ทะลักติดค้าง ดินโคลนหนา ต้องใช้การขุดตักและขนดินออก ก่อนฉีดพ่นน้ำทำความสะอาดได้
ปลัดเทศบาลฯ เผยสาเหตุน้ำท่วมบริเวณชายแดนแม่สายเกิดขึ้นทุกปี เนื่องจากลำน้ำสายแคบและไหลมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่สามารถขุดลอกหรือทำพนังกั้นน้ำได้ เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศที่ยังไม่ได้ข้อยุติกัน น้ำท่วมครั้งล่าสุดนี้นับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี เพราะมีปริมาณมากและเชี่ยวกราดกว่าทุกครั้ง แม้จะมีการแจ้งเตือน ทำให้ผู้คนเก็บข้าวของได้ทัน แต่น้ำลึกกว่าที่คาดการณ์ ทำให้ทะลักท่วมอย่างน้อย 200 หลังคาเรือน
เตรียมพร้อมรับน้ำโบราณสถานวัดไชยฯ จ.พระนครศรีอยุธยา
ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 18 นำกำลังทหาร 100 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร จ.พระนครศรีอยุธยา เร่งติดตั้งบังเกอร์ป้องกันน้ำท่วมโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนายภัทรพงษ์ เก่าเงิน ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า แม้ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังต่ำกว่าตลิ่ง 1 เมตร แต่ไม่ไว้วางใจ จึงเร่งตั้งแนวบังเกอร์ป้องกันน้ำท่วมโบราณสถาน แนวดังกล่าวมีความยาว 155 เมตร สูงประมาณ 1.80 เมตร จะใช้เวลาติดตั้ง 3 วัน ในพื้นที่อุทยานยังมีโบราณสำคัญหลายแห่งที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ หมู่บ้านโปรตุเกส วัดธรรมาราม ฯลฯ ซึ่งกรมศิลปากรจะประเมินตามสถานการณ์ และบริหารจัดการแต่ละพื้นที่
สถานการณ์น้ำวันนี้ (16 ส.ค.) ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่านคงที่กับเมื่อวานนี้ 1,200 ลบ.ม/วินาที ส่วนระดับน้ำที่ C35 ระดับน้ำ 3.12 เมตร จากเมื่อวาน 3.06 เมตร ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 6 เซนติเมตร ขอให้เฝ้าระวังระดับน้ำสูงขึ้น ริมแม่น้ำน้อย อ.ผักไห่ อ.เสนา
นักวิชาการชี้ไม่ต้องกังวลปี 65 น้ำท่วมเหมือนปี 54
ผศ.ดร.ณัฐ มาแจ้ง อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ประชาชนไม่ต้องเป็นกังวลว่าปี 2565 จะเกิดอุทกภัยใหญ่เหมือนปี 2554 แม้ขณะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่องทุกพื้นที่ แต่เป็นฝนที่ตกจากร่องมรสุมตามฤดูกาล ฝนที่ตกกระจายทำให้แต่ละพื้นที่ระบายน้ำลงสู่ลำน้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ขณะที่ปี 2554 น้ำท่วมจากน้ำเหนือปริมาณมากไหลลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและท่าจีน
ขณะที่จากรายงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ อ่างเก็บน้ำของเขื่อนต่างๆ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ เมื่อเทียบกับความจุส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มีเพียงอ่างเก็บน้ำของเขื่อนหนองปลาไหล จ.ระยอง และกิ่วลม จ.ลำปาง ที่มีน้ำ 82% ของความจุ ซึ่งในการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำ แม้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำจะสูง แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบอาจไม่ได้ระบายออก เพราะต้องคำนึงว่าจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน จะมีปริมาณฝนที่ตกลงมา แล้วทำให้มีน้ำไหลลงอ่างมากน้อยเพียงใด หากมีน้อยกว่าที่คาด น้ำจะไม่เต็มอ่างเก็บน้ำ
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้ (16 ส.ค.) ที่สถานี C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ในอัตรา 1,200 ลบ.ม./วินาที (ข้อมูลตามกราฟิก) ไปดูข้อมูล เปรียบเทียบปริมาณน้ำไหลผ่าน ปีที่แล้ว 1 ตุลาคม 2564 ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,801 ลบ.ม./วินาที และกลับไปปี 2554 วันที่ 21 กันยายน ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงถึง 3,721 ลบ.ม./วินาที
ส่วนปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.29 A อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา วันนี้ (16 ส.ค.) 1,434 ลบ.ม./วินาที 24 ตุลาคม 2564 จำนวน 3,252 ลบ.ม./วินาที และ 15 ตุลาคม 2554 จำนวน 3,860 ลบ.ม./วินาที
สำหรับปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ 16 ส.ค. (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 12,011 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ รวมกันประมาณ 188.54 ล้าน ลบ.ม. รับน้ำได้อีกกว่า 12,860 ล้าน ลบ.ม. กรมชลประทานยังคงเดินหน้าบริหารจัดการน้ำ และควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝนที่ตกทางตอนบนอย่างเต็มศักยภาพ หากมีแนวโน้มปริมาณน้ำจะเพิ่มขึ้นอีกจะแจ้งให้ทราบต่อไป ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย
