ลพบุรี 6 ส.ค. – เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในชุมชนวัดเชิงท่า อ.เมืองลพบุรี ชาวบ้านหอบข้าวของวิ่งหนีตายอลหม่าน พบว่าชุมชนดัวกล่าวเกิดเพลิงไหม้บ่อยครั้ง พบบ้านเรือนเสียหาย 4 หลัง โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ด้านผู้ว่าฯ ลพบุรี สั่งเร่งเยียวยา
เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นภายในชุมชนวัดเชิงท่า ติดกับโรงพัก สภ.ท่าหิน หลังเก่า อ.เมืองลพบุรี เพลิงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงและลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื่องจากต้นเพลิงเป็นบ้านไม้เก่า ประกอบกับมีลมแรงมาเป็นระยะ ชาวบ้านต่างขนของวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น
เจ้าหน้าที่ประสานรถน้ำดับเพลิงจากเทศบาลเมืองลพบุรี อบต.โพธิ์เก้าต้น รถดับเพลิงของ มทบ.13 รวม 9 คัน เร่งสกัดเพลิง ท่ามกลางความระทึกของชาวบ้าน เนื่องจากเป็นชุมชนแออัด และเกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อยครั้ง
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และนายจำเริญ สละชีพ นายกเทศมนตรีเมืองลพบุรี ลงพื้นที่อำนวยการดับเพลิง ใช้เวลาในการควบคุมเพลิงนานเกือบ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด พบบ้านเรือนเสียหาย 4 หลัง โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ
ตรวจสอบพบบ้านต้นเพลิงเกิดจากบ้านไม้ 2 ชั้น มีผู้พักอาศัย 5 คน มีนายสมศักดิ์ อายุ 60 ปี เป็นเจ้าของบ้าน ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้มีหญิง 1 ราย เป็นลม เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาล
สอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านต้นเพลิง เล่าว่า ขณะตนและภรรยากำลังสวดมนต์ ได้กลิ่นควันจึงวิ่งออกมาดู พบต้นเพลิงเกิดจากชั้นบนของบ้านเช่าไม่มีเลขที่ จึงตะโกนบอกเพื่อนบ้านให้แจ้งดับเพลิง เพียงชั่วครู่เพลิงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง
ผู้ว่าฯ ลพบุรี สั่งเร่งเยียวยาเหยื่อไฟไหม้ชุมชน
ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.ท่าหิน เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง สอบปากคำนายสมศักดิ์ ที่พักอาศัยในบ้านต้นเพลิง เพิ่มเติมถึงสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ลพบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง เบื้องต้นพบว่าบ้านเรือนประชาชนชุมชนวัดเชิงท่าจำนวน 4 หลังนั้น มีผู้ที่อาศัยอยู่เพียงครอบครัวเดียว
ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ประสานเทศบาลเมืองให้จัดหาที่อยู่อาศัยให้กับครอบครัวของนายสมศักดิ์ เป็นเพิงพักภายในวัดเชิงท่าเป็นการชั่วคราว
วันนี้ทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เหล่ากาชาดจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังนำเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของจำเป็น มามอบให้กับผู้ที่ประสบภัย เพื่อเป็นการช่วยเหลือเร่งด่วนอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย