ภูเก็ต 23 ก.ค. – กรณีพบชายชาวไนจีเรียป่วยฝีดาษวานรรายแรก นักธุรกิจในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เชื่อจะส่งผลกระทบเพียงช่วงสั้นๆ เหตุติดต่อได้ยาก หากป้องกันได้ดีจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่เหมือนโควิด-19
จากกรณีพบผู้ป่วยฝีดาษวานรรายแรก ใน จ.ภูเก็ต เป็นเพศชาย สัญชาติไนจีเรีย อายุ 27 ปี มีประวัติเดินทางมาจากประเทศไนจีเรีย เข้ามาประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคม 2565 จากนั้นเดินทางมาพักอาศัยอยู่ที่ จ.ภูเก็ต จนถึงปัจจุบัน ได้เข้ารับการรักษา โดยเป็นผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเอกชน ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก มีผื่นแดง ตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง เริ่มจากอวัยวะเพศลามไปใบหน้า ลำตัว แขน
จากการส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบเชื้อฝีดาษวานร ก่อนจะมีการประกาศว่าเป็นผู้ป่วยฝีดาษวานรรายแรกของประเทศไทย แต่หลังจากแจ้งให้เจ้าตัวทราบ ปรากฏว่าครั้งแรกยอมเข้ารับการรักษา ต่อมาภายหลังหายตัวไปและยังติดตามพบ นอกจากนี้จากการสอบสวนพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก
จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายบุญ ยงสกุล ประธานกรรมการ บริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่ามีผลกระทบบ้างเล็กน้อย เนื่องจากฝีดาษวานรไม่ติดต่อง่ายเหมือนกับโควิด-19 ทั้งนี้ หากจะติดต้องเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด หรือมีแผล จึงติดต่อได้ค่อนข้างยาก ที่สำคัญมีโอกาสรักษาได้ง่ายกว่า เชื่อว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้นๆ เพียง 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ส่วนในระยะยาว หากสามารถป้องกันได้ดีจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับโควิด
ชายไนจีเรียติดเชื้อฝีดาษวานร สายพันธุ์รุนแรงไม่มาก
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลว่า ชายไนจีเรียติดเชื้อฝีดาษวานรรายแรกของไทย เป็นสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตกที่มีความรุนแรงไม่มาก และยังไม่พบการเสียชีวิตจากสายพันธุ์นี้ สำหรับเคสนี้พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนกับชายคนดังกล่าว เป็นคนไทย 1 คน และชาวไนจีเรีย 1 คน ตรวจเบื้องต้นแล้วไม่พบการติดเชื้อ
นอกจากนี้ยังได้ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกที่สถานบันเทิง 2 แห่งใน จ.ภูเก็ต ที่ผู้ป่วยเคยไปใช้บริการ ซึ่งมีคนไปใช้บริการ 142 คน พบผู้มีอาการไข้ เจ็บคอ 6 คน ผลตรวจ 4 คน ไม่พบเชื้อ จึงให้เฝ้าระวังตนเอง 21 วัน ส่วนอีก 2 คน กำลังรอการตรวจ
นอกจากนี้ยังค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดในโรงแรม และสถานบันเทิงแห่งอื่นๆ เพิ่มเติม รวมทั้งการกำจัดเชื้อในห้องพักคอนโดฯ ของผู้ป่วย ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวกับสถานบันเทิงและผู้ใช้บริการ
สำหรับความห่วงและวิตกกังวลในเรื่องนี้ นพ.โอภาส ย้ำว่า ทางองค์การอนามัยโลกได้ให้โรคฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ไม่ใช่โรคติดต่ออันตรายร้ายแรง โดยฝีดาษวานรมีการติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิดและสัมผัสกับตุ่มฝีหนอง ฉะนั้นหากไม่คลุกคลี ไม่สัมผัส ก็ไม่ติดเชื้อ.-สำนักข่าวไทย
