พิสูจน์หลักฐานตรวจหาสาเหตุสปีดโบ๊ทระเบิดกลางทะเล

21 ก.ค. – ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบซากสปีดโบ๊ทลำที่เกิดเหตุเครื่องยนต์ระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 20 คนเมื่อวานนี้ เพื่อหาสาเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้น เรือจดทะเบียนถูกต้องและได้ทำประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยว


สภาพของเรือสปีดโบ๊ทที่เกิดเหตุเครื่องยนต์ระเบิดและเพลิงไหม้เสียหายทั้งลำ ขณะนำนักท่องเที่ยว 18 คน และลูกเรือ 2 คน ไปส่งเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อท่องเที่ยวและเรียนดำน้ำเมื่อวานนี้ แต่ขณะออกจากฝั่งไปได้เพียง 2 ไมล์ทะเล หรือไม่ถึง 4 กิโลเมตร เครื่องยนต์ก็ระเบิด จนทำให้มีผู้บาดเจ็บถูกไฟคลอกตามร่างกาย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต

เช้านี้ พ.ต.อ.สมบุญ ศรีสิรุฬห์โชติ ผกก.ตำรวจพิสูจน์หลักฐานชุมพร พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการ ร่วมกันเข้าเก็บหลักฐานภายในเรือสปีดโบ๊ทลำเกิดเหตุ ซึ่งเป็นเรือ 3 เครื่องยนต์


เบื้องต้นจากการสอบสวนกัปตันเรือและลูกเรือทราบว่า ช่วงที่เรือแล่นออกจากท่าเรือ ได้ใช้เครื่องยนต์ 2 เครื่องยนต์ และเมื่อเริ่มใช้เครื่องยนตร์เครื่องที่ 3 ก็เกิดการระเบิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์เคมีจากกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะได้เข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อระบุสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่ชัดเจนอีกครั้ง เกิดจากเครื่องยนต์ขัดข้องหรือเกิดจากสายน้ำมันเรือรั่วและชำรุดตามที่หลายฝ่ายในการตั้งข้อสังเกต

ส่วนกรณีที่มีนักท่องเที่ยวบนเรือระบุตรงกันว่าได้กลิ่นของน้ำมันเรือตั้งแต่ช่วงที่เรือจะออกจากฝั่งนั้น ทางผู้จัดการบริหารเรือเร็วลมพระยา ผู้ประกอบการเรือระบุว่า กลิ่นดังกล่าวเป็นกลิ่นปกติที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าเรือได้รับการตรวจสภาพและเช็กความปลอดภัยเป็นประจำทุกปี พร้อมยินดีจะเยียวยาและดูแลค่าใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุครั้งนี้อย่างเต็มเต็มที่ เบื้องต้นเรือลำดังกล่าวได้ทำประกันภัยไว้ให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนรายละ 100,000 บาท

สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บถูกไฟคลอกตามร่างกาย ขณะนี้มีพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดชุมพร 2 คน ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และส่วนที่อาการเล็กน้อยที่พักอยู่ภายในโรงแรมขณะนี้ทางจังหวัดชุมพรได้เข้าไปดูแลช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประสบเหตุทุกคน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ยืนยันจะตรวจสอบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ให้ชัดเจนที่สุดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง