เครื่องบินรบเมียนมาทิ้งระเบิดตกกลางวงข้าว เปิดไทม์ไลน์ปะทะเดือดสนั่นชายแดน

ตาก 2 ก.ค. – สถานการณ์สู้รบฝั่งเมียนมายังร้อนระอุ ส่วนเหตุทิ้งระเบิดเมื่อคืน พบเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 3 ราย พร้อมเปิดไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดสนั่นชายแดนไทย ชาวบ้าน อ.พบพระ ขวัญผวาเสียงระเบิด


ภาพเครื่องบินรบแบบ MiG-29 SE จำนวน 1 ลำ บินเลียบแนวชายแดนไทย-เมียนมา พร้อมยิงจรวดโจมตีบริเวณแนวสะพานพื้นที่ดอยแดง อำเภอซูการี ซึ่งอยู่ห่างแนวชายแดนเพียง 1 กิโลเมตร และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 อำเภอพบพระ เสียงระเบิดดังข้ามมาถึงฝั่งไทยจนชาวบ้านฝั่งไทยขวัญผวากับเสียงระเบิดสนั่น

นอกจากนี้ ทหารเมียนมาได้ยิงลูกระเบิด ค.120 มม.จำนวนหลายลูก เพื่อสกัดแนวรบของทหารกะเหรี่ยงที่ยังคงตั้งแนวปะทะอยู่รอบฐานทหารเมียนมา ฐานอูเกรทะ โดยยิงปะทะยาวนานถึง 7 วัน นอกจากนี้ทหารเมียนมายังใช้เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ลำเลียงอาวุธเป็นลูกระเบิด, กระสุนปืนสงคราม และกำลังพลไปส่งที่ฐานใหญ่ ฐานทีตาแหล่ บ้านวาเล่ย์ใหม่ จังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก


สำหรับเหตุการณ์เมื่อคืนที่มีการทิ้งระเบิด 1 ลูก ลงใกล้ฐานทหารกะเหรี่ยงในหมู่บ้านทิบาโบ เขตจังหวัดเมียวดี แต่ลูกระเบิดพลาดเป้าหมายลอยตกกลางหมู่บ้านทิบาโบของชาวกะเหรี่ยง มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย ทราบชื่อนายนาปะ ไม่มีนามสกุล อายุ 27 ปี เบื้องต้นเป็นบุคคลอยู่ระหว่างเทียบโอนสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) เนื่องจากรายชื่อตกหล่นระหว่างการแจ้งเกิดในอดีต เสียชีวิตพร้อมญาติผู้ใหญ่ชื่อนายคะชุ ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา ทั้งสองรายถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์เสียชีวิตกลางบ้านพักระหว่างที่ทั้ง 2 คนกำลังนั่งรับประทานอาหาร ยังมีผู้บาดเจ็บ 3 คน เป็นเชื้อสายกะเหรี่ยง ถูกลำเลียงข้ามแม่น้ำเมยมารักษาตัวที่โรงพยาบาลอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ส่วนผู้เสียชีวิตทั้งสองรายนำไปบำเพ็ญกุศลฝั่งเมียนมา

ผลกระทบจากแรงระเบิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ตกห่างฝั่งชายแดนไทยเพียง 400 เมตร บ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้านหมื่นฤาชัย หมู่ที่ 5 ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ ตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ บ้านเรือนคนไทยถูกสะเก็ดระเบิดเสียหาย 3 หลัง ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 นำกำลังทหารเร่งซ่อมแซม ส่งทีมแพทย์สนามและทหารจิตวิทยาเข้าไปปลอบขวัญชาวบ้าน ขณะที่การยิงปะทะเริ่มลุกลามมาที่แนวชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตากแล้ว

ไทม์ไลน์เมียนมาปะทะเดือด
เหตุการณ์วันที่ 30 มิ.ย.2565
สำหรับวันนี้ (2 ก.ค.) ล่วงเลยมาเป็นวันที่ 7 แล้วนับตั้งแต่ที่เมียนมาได้ปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ของกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู หลังจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา กองกำลังกะเหรี่ยง พร้อมอาวุธได้บุกโจมตียิงถล่มฐานที่มั่นทหารเมียนมากองพันที่ 32 ในพื้นที่บ้านอูเกรทะ อ.ซูการี จ.เมียวดี และยิงปะทะกันอย่างดุเดือด จุดดังกล่าวอยู่ห่างจากแนวชายแดนอำเภอพบพระ เพียง 400 เมตรเท่านั้น


เหตุการณ์วันที่ 27 มิ.ย.2565
ถัดมาเพียง 1 วัน ปรากฏว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรง มีการเปิดฉากยิงถล่มด้วยปืนเล็กยาว และเครื่องยิงลูกระเบิดเป็นระลอก อีกทั้งพบว่ามีลูกระเบิด ค.120 มม. 1 นัด ตกใส่ฝั่งไทย บริเวณบ้านวาเล่ย์ใต้ พร้อมเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหลายสิบลูก เสียงดังสนั่นแนวชายแดนอำเภอพบพระ ททหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูบาดเจ็บจำนนวนมาก แต่ทหารเมียนมาก็ถูกมือสไนเปอร์อีกฝ่ายซุ่มยิง ถูกโดรนบินทิ้งระเบิดเสียชีวิตไปหลายนายเช่นกัน

เหตุการณ์วันที่ 28 มิ.ย.2565
วันที่ 3 ของการสู้รบระหว่างกะเหรี่ยงและทหารเมียนมาดุเดือด เพราะกองกำลังกะเหรี่ยงบุกประชิดฐานทหารเมียนมา แต่ถูกยิงตอบโต้ทั้งปืนเล็กยาวและปืนกลหนัก ก่อนประสานขอกำลังเฮลิคอปเตอร์ยิงจรวดใส่ทหารกะเหรี่ยง 4 ลูกซ้อน คนไทยตามแนวชายแดนเริ่มหวาดผวา เพราะเห็นกลุ่มควันจากการโจมตีได้อย่างชัดเจน ขณะที่หลายคนต้องอพยพออกจากพื้นที่เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

ส่วนที่บ้านวาเล่ย์ใต้ ใกล้แนวยิงปะทะ พื้นที่เสี่ยงภัยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ชาวบ้านหลายครอบครัวเร่งตรวจเช็กหลุมหลบภัยใต้ถุนบ้านให้พร้อมหลบภัยได้ทันที หากมีกระสุนปืนหลุดข้ามชายแดนมาตกในหมู่บ้าน

เหตุการณ์วันที่ 29 มิ.ย.2565
ขณะที่วันที่ 4 ของการสู้รบ กองทัพเมียนมาส่งเครื่องบินรบ 2 ลำ บินเลียบแนวภูเขาติดแนวชายแดนในระดับต่ำ พร้อมทิ้งลูกระเบิดขนาดใหญ่นับสิบลูกใส่ทหารกะเหรี่ยงที่หลบอยู่ในพื้นที่แนวกำบัง เสียงระเบิดดังสนั่นทั่วชายแดนอำเภอพบพระ ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่แนวระเบิดตก ไม่กล้าเข้าบ้านพัก ต้องหลบภัยป่าและพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว โดยมีทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ออกลาดตระเวนเข้มงวด

เหตุการณ์วันที่ 30 มิ.ย.2565
กระทั่งวันที่ 30 มิถุนายน เห็นเครื่องบิน MiG-29 ของเมียนมา บินรุกล้ำชายแดนเข้ามาถึง อ.พบพระ ย่านชุมชน เสียงดังทั่วชายแดนไทย-เมียนมา ชาวบ้านต้องวิ่งหาที่กำบัง ขณะที่บางคนต้องหลบภัยที่ใต้ถุนบ้าน

นอกจากนี้ มีรายงานกระสุนปืนกลทางอากาศหลายลูกหลุดข้ามชายแดนมาตกไร่ปาล์มแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่บ้านวาเล่ย์เหนือ ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ รถกระบะชาวบ้านเสียหาย ทำให้โรงเรียนในหมู่บ้านวาเล่ย์ 1 แห่ง ต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนฉุกเฉิน มีภาพครูและนักเรียนต้องวิ่งหลุมหลบภัยโกลาหล จนเหตุการณ์สงบลง ผู้ปกครองของนักเรียนรีบรับตัวบุตรหลานกลับ

ขณะที่กองทัพอากาศส่งเครื่องบิน F-16 ออกบินจากฐานทัพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ยืนยันว่าบินถึงพื้นที่ใน 5 นาที และ F-16 ทั้ง 2 ลำปฏิบัติการบินเตือน ขณะที่ MiG-29 บินกลับเข้าไปในเขตเมียนมา

เหตุการณ์วันที่ 1 ก.ค.2565
หลังเกิดเหตุเครื่องบินรบเมียนมาล้ำน่านฟ้าของไทย ทำให้กองทัพอากาศรวมถึงรัฐบาลยืนยันเมียนมาได้ขอโทษทางการไทยแล้ว เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจ เน้นย้ำถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศของไทยว่าเป็นตามมาตรฐาน

สำหรับเครื่องบินรบ MiG-29 ของกองทัพเมียนมา และเครื่องบินรบ F-16 ของไทย ถือว่ามีสมรรถนะใกล้เคียงกัน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]