ปะทะเดือดวันที่ 2 ทหารทั้ง 2 ฝ่าย ตาย-เจ็บจำนวนมาก

ตาก 27 มิ.ย. – ชายแดนไทย-เมียนมา วันนี้ยังคงมีการยิงปะทะ จนกระสุนปืน ค.120 มม. หลุดข้ามมาตกในเขตไทย ทหารตรึงกำลังและตั้งจุดตรวจบนถนนเลียบแนวชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก การยิงปะทะรอบล่าสุดใช้เวลานานกว่า 2 ชม. ทำให้ทหารทั้ง 2 ฝ่าย เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก


สถานการณ์การสู้รบ บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา วันนี้ (27 มิ.ย.) ระหว่างทหารกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู หน่วยจู่โจมที่ 201-103 พร้อมด้วยทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นดีโอ และกลุ่มพีดีเอฟ สนธิกำลังกันมากกว่า 100 นาย พร้อมอาวุธครบมือ บุกยิงถล่มใส่ฐานที่มั่นของทหารเมียนมา กองพันที่ 32 ชุด บก.ควบคุมที่ 13 บ้านอูเกรทะ อ.ซูการี จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับห้วยแม่หม้าย หมู่ที่ 2 บ้านวาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก โดยการยิงปะทะด้วยอาวุธหนักล่วงเลยมาเป็นวันที่ 2 ซึ่งช่วงเช้าที่ผ่านมา ทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กยาวและเครื่องยิงลูกระเบิดอีกครั้ง เป็นการยิงปะทะระลอกใหม่ล่าสุด หลังตลอดคืนที่ผ่านมาไม่มีการยิงปะทะ ส่งผลให้มีลูกระเบิดแบบวิถีโค้ง หรือ ค.120 มม. จำนวน 1 นัด หลุดแนวยิงพลาดเป้าข้ามมาตกที่ฝั่งท้ายบ้านวาเล่ย์ใต้ หมู่ที่ 2 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ทำให้เกิดการระเบิดรุนแรง 1 ครั้ง โชคดีพื้นที่ที่กระสุนตกเป็นพื้นที่ทางการเกษตร ไม่มีบ้านเรือนประชาชน จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ส่วนที่บ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งอยู่ติดกับบ้านวาเล่ย์ใต้ ใกล้แนวยิงปะทะ ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ได้นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือ ตั้งจุดตรวจบนถนนเลียบแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าไปใกล้พื้นที่เสี่ยงอันตราย หลังกระสุนปืน ค.120 มม. หลุดมาตกในเขตไทย จำนวน 1 นัด ส่วนในหมู่บ้าน ซึ่งยังเป็นพื้นที่ปลอดภัย ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่มีการเตรียมความพร้อม และติดตามข่าวสารจากเสียงตามสายของหมู่บ้าน ซึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน ชาวบ้านได้มีการซ้อมหนีภัยสงครามมาแล้วครั้งหนึ่ง


ด้านนายธนะพัฒน์ พรรัฐภูรีนนท์ ผู้ใหญ่บ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 อ.พบพระ จ.ตาก กล่าวว่า ช่วงเช้าวันนี้มีการยิงปะทะกันอีกครั้ง ตนเองได้ประกาศเสียงตามสาย หรือหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน แจ้งเตือนชาวบ้านไม่ให้เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงอันตรายใกล้แนวชายแดน เพื่อความปลอดภัย ส่วนภายในหมู่บ้านมีการจัดเวรยามชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านออกลาดตระเวนร่วมกับฝ่ายปกครองและฝ่ายทหาร ซึ่งขณะนี้ต้องเฝ้าจับตาสถานการณ์ต่ออีก 1 วัน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ซึ่งเป็นชาวบ้านฝั่งเมียนมา ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล อ.พบพระ จ.ตาก โดยอาการของชาวบ้านที่ถูกสะเก็ดระเบิด พ้นขีดอันตรายแล้ว

จากนั้น ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูได้ปรับยุทธวิธี โดยใช้โดรนติดลูกระเบิดบินเข้าไปทิ้งระเบิดลงกลางฐานทหารเมียนมา เสียงระเบิดดังสนั่นฐานอูเกรทะ และมองเห็นกลุ่มควันสีขาวลอยขึ้นเหนือท้องฟ้าทั่วแนวชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก โดยหลังจากใช้โดรนบินทิ้งระเบิดใส่ฐานทหารเมียนมาแล้ว ชุดเคลื่อนที่เร็วของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ได้ระดมยิงปืนเล็กยาว ปืนกล และเครื่องยิงลูกระเบิด ถล่มเข้าใส่ทหารเมียนมาที่ตั้งรับอยู่ในแนวหน้า แต่ก็ถูกทหารเมียนมายิงตอบโต้ด้วยอาวุธหนักและปืนกล พร้อมวิทยุขอทหารเมียนมาฐานใกล้เคียงยิงอาวุธหนักใส่ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ที่ใกล้ประชิดฐานอูเกรทะ เพื่อจะเข้ายึดฐานทหารเมียนมาให้ได้ โดยการยิงต่อสู้กันในวันนี้ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และยิงปะทะรอบล่าสุดใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้ทหารทั้ง 2 ฝ่าย เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน บริเวณแนวตะเข็บชายแดนริมลำห้วยวาเล่ย์ ท้ายหมู่บ้านวาเล่ย์ใต้ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน และมีที่พักของแรงงานต่างด้าวที่ทำงานสวนพริกเต็มแนวชายแดนใกล้กับจุดยิงปะทะ เสียงระเบิดดังสนั่นชายแดน ตามด้วยเสียงปืนกลจากการยิงปะทะของทหารทั้ง 2 ฝ่าย แม้การปะทะในวันที่ 2 ยังไม่มีกระสุนปืนและลูกระเบิดหลุดข้ามชายแดนมาตกฝั่งไทยเหมือนกับวันแรก แต่แรงระเบิดก็ทำให้แรงงานภาคเกษตรกว่า 50 คน รู้สึกไม่ปลอดภัย ต่างรีบอุ้มเด็กเล็ก พร้อมกระเป๋าสัมภาระเท่าที่จำเป็น หนีไปหลบในพื้นที่ปลอดภัย เหลือเพียงผู้ชายไว้เฝ้าทรัพย์สินอยู่ภายในบ้านพัก โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ตำรวจ สภ.พบพระ และฝ่ายปกครอง อ.พบพระ จ.ตาก พร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรึงกำลังและลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยให้ชาวบ้านตลอดแนวชายแดนที่มีการยิงปะทะ


ล่าสุดการยิงปะทะของทหารทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยแนวยิงห่างจากแนวชายแดนเพียง 400 เมตร ท่ามกลางฝนตกหนัก แต่การปะทะยังไม่ยุติ ซึ่งฝ่ายทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู มีเป้าหมายจะยึดฐานทหารเมียนมา บ้านอูเกรทะ ให้ได้ภายในวันนี้ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ

ส่วนราษฎรชาวเมียนมา มีรายงานถูกลูกหลงจากสะเก็ดระเบิด และเหยียบกับระเบิดจนขาขาด ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย ทั้งหมดถูกลำเลียงข้ามลำห้วยวาเล่ย์ มาขึ้นฝั่งที่บ้านมอเกอร์ไทย เขต อ.พบพระ จ.ตาก หน่วยกู้ชีพ อบต.วาเล่ย์ นำตัวส่งโรงพยาบาล อ.พบพระ เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามหลักสากล คาดว่าจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บอาจเพิ่มขึ้นอีก หากสถานการณ์การสู้รบยืดเยื้อ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย