fbpx

ปะทะเดือดวันที่ 2 ทหารทั้ง 2 ฝ่าย ตาย-เจ็บจำนวนมาก

ตาก 27 มิ.ย. – ชายแดนไทย-เมียนมา วันนี้ยังคงมีการยิงปะทะ จนกระสุนปืน ค.120 มม. หลุดข้ามมาตกในเขตไทย ทหารตรึงกำลังและตั้งจุดตรวจบนถนนเลียบแนวชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก การยิงปะทะรอบล่าสุดใช้เวลานานกว่า 2 ชม. ทำให้ทหารทั้ง 2 ฝ่าย เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก


สถานการณ์การสู้รบ บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา วันนี้ (27 มิ.ย.) ระหว่างทหารกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู หน่วยจู่โจมที่ 201-103 พร้อมด้วยทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นดีโอ และกลุ่มพีดีเอฟ สนธิกำลังกันมากกว่า 100 นาย พร้อมอาวุธครบมือ บุกยิงถล่มใส่ฐานที่มั่นของทหารเมียนมา กองพันที่ 32 ชุด บก.ควบคุมที่ 13 บ้านอูเกรทะ อ.ซูการี จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับห้วยแม่หม้าย หมู่ที่ 2 บ้านวาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก โดยการยิงปะทะด้วยอาวุธหนักล่วงเลยมาเป็นวันที่ 2 ซึ่งช่วงเช้าที่ผ่านมา ทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กยาวและเครื่องยิงลูกระเบิดอีกครั้ง เป็นการยิงปะทะระลอกใหม่ล่าสุด หลังตลอดคืนที่ผ่านมาไม่มีการยิงปะทะ ส่งผลให้มีลูกระเบิดแบบวิถีโค้ง หรือ ค.120 มม. จำนวน 1 นัด หลุดแนวยิงพลาดเป้าข้ามมาตกที่ฝั่งท้ายบ้านวาเล่ย์ใต้ หมู่ที่ 2 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ทำให้เกิดการระเบิดรุนแรง 1 ครั้ง โชคดีพื้นที่ที่กระสุนตกเป็นพื้นที่ทางการเกษตร ไม่มีบ้านเรือนประชาชน จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ส่วนที่บ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งอยู่ติดกับบ้านวาเล่ย์ใต้ ใกล้แนวยิงปะทะ ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ได้นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือ ตั้งจุดตรวจบนถนนเลียบแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าไปใกล้พื้นที่เสี่ยงอันตราย หลังกระสุนปืน ค.120 มม. หลุดมาตกในเขตไทย จำนวน 1 นัด ส่วนในหมู่บ้าน ซึ่งยังเป็นพื้นที่ปลอดภัย ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่มีการเตรียมความพร้อม และติดตามข่าวสารจากเสียงตามสายของหมู่บ้าน ซึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน ชาวบ้านได้มีการซ้อมหนีภัยสงครามมาแล้วครั้งหนึ่ง


ด้านนายธนะพัฒน์ พรรัฐภูรีนนท์ ผู้ใหญ่บ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 อ.พบพระ จ.ตาก กล่าวว่า ช่วงเช้าวันนี้มีการยิงปะทะกันอีกครั้ง ตนเองได้ประกาศเสียงตามสาย หรือหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน แจ้งเตือนชาวบ้านไม่ให้เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงอันตรายใกล้แนวชายแดน เพื่อความปลอดภัย ส่วนภายในหมู่บ้านมีการจัดเวรยามชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านออกลาดตระเวนร่วมกับฝ่ายปกครองและฝ่ายทหาร ซึ่งขณะนี้ต้องเฝ้าจับตาสถานการณ์ต่ออีก 1 วัน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ซึ่งเป็นชาวบ้านฝั่งเมียนมา ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล อ.พบพระ จ.ตาก โดยอาการของชาวบ้านที่ถูกสะเก็ดระเบิด พ้นขีดอันตรายแล้ว

จากนั้น ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูได้ปรับยุทธวิธี โดยใช้โดรนติดลูกระเบิดบินเข้าไปทิ้งระเบิดลงกลางฐานทหารเมียนมา เสียงระเบิดดังสนั่นฐานอูเกรทะ และมองเห็นกลุ่มควันสีขาวลอยขึ้นเหนือท้องฟ้าทั่วแนวชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก โดยหลังจากใช้โดรนบินทิ้งระเบิดใส่ฐานทหารเมียนมาแล้ว ชุดเคลื่อนที่เร็วของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ได้ระดมยิงปืนเล็กยาว ปืนกล และเครื่องยิงลูกระเบิด ถล่มเข้าใส่ทหารเมียนมาที่ตั้งรับอยู่ในแนวหน้า แต่ก็ถูกทหารเมียนมายิงตอบโต้ด้วยอาวุธหนักและปืนกล พร้อมวิทยุขอทหารเมียนมาฐานใกล้เคียงยิงอาวุธหนักใส่ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ที่ใกล้ประชิดฐานอูเกรทะ เพื่อจะเข้ายึดฐานทหารเมียนมาให้ได้ โดยการยิงต่อสู้กันในวันนี้ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และยิงปะทะรอบล่าสุดใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้ทหารทั้ง 2 ฝ่าย เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน บริเวณแนวตะเข็บชายแดนริมลำห้วยวาเล่ย์ ท้ายหมู่บ้านวาเล่ย์ใต้ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน และมีที่พักของแรงงานต่างด้าวที่ทำงานสวนพริกเต็มแนวชายแดนใกล้กับจุดยิงปะทะ เสียงระเบิดดังสนั่นชายแดน ตามด้วยเสียงปืนกลจากการยิงปะทะของทหารทั้ง 2 ฝ่าย แม้การปะทะในวันที่ 2 ยังไม่มีกระสุนปืนและลูกระเบิดหลุดข้ามชายแดนมาตกฝั่งไทยเหมือนกับวันแรก แต่แรงระเบิดก็ทำให้แรงงานภาคเกษตรกว่า 50 คน รู้สึกไม่ปลอดภัย ต่างรีบอุ้มเด็กเล็ก พร้อมกระเป๋าสัมภาระเท่าที่จำเป็น หนีไปหลบในพื้นที่ปลอดภัย เหลือเพียงผู้ชายไว้เฝ้าทรัพย์สินอยู่ภายในบ้านพัก โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ตำรวจ สภ.พบพระ และฝ่ายปกครอง อ.พบพระ จ.ตาก พร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรึงกำลังและลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยให้ชาวบ้านตลอดแนวชายแดนที่มีการยิงปะทะ


ล่าสุดการยิงปะทะของทหารทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยแนวยิงห่างจากแนวชายแดนเพียง 400 เมตร ท่ามกลางฝนตกหนัก แต่การปะทะยังไม่ยุติ ซึ่งฝ่ายทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู มีเป้าหมายจะยึดฐานทหารเมียนมา บ้านอูเกรทะ ให้ได้ภายในวันนี้ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ

ส่วนราษฎรชาวเมียนมา มีรายงานถูกลูกหลงจากสะเก็ดระเบิด และเหยียบกับระเบิดจนขาขาด ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย ทั้งหมดถูกลำเลียงข้ามลำห้วยวาเล่ย์ มาขึ้นฝั่งที่บ้านมอเกอร์ไทย เขต อ.พบพระ จ.ตาก หน่วยกู้ชีพ อบต.วาเล่ย์ นำตัวส่งโรงพยาบาล อ.พบพระ เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามหลักสากล คาดว่าจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บอาจเพิ่มขึ้นอีก หากสถานการณ์การสู้รบยืดเยื้อ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.

“บิ๊กต่าย” ยันทำตามหน้าที่ ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก”

“บิ๊กต่าย” แถลงข่าวการจับยาเสพติด ยันไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก” ย้ำทำตามหน้าที่รักษาการฯ ไม่มีเวลาเอาสมองไปคิดเรื่องปลดป้ายชื่อ

ระทึกถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิดอีก

วิ่งหนีอลหม่าน! ถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิด ย่านตลาดสดเทศบาลนางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี คาดสาเหตุจากอากาศร้อนจัด