ตรวจค้น-อายัดโครงการคอนโดฯ หรู เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน

เชียงใหม่ 24 มิ.ย. – ดีเอสไอและตำรวจนำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ บุกตรวจค้นและอายัดโครงการคอนโดมิเนียมหรู ใน อ.หางดง หลังผู้เสียหายร้องอ้างถูกฉ้อโกง ตรวจสอบพบมีผู้เสียหายกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท


เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ สนธิกำลังกับตำรวจ สภ.หางดง เข้าตรวจค้นสำนักงานขายและบ้านของประธานบริษัทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ หลังมีหมายศาลของจังหวัดเชียงใหม่ ในการเข้าตรวจค้น จากกรณีมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจภูธร สภ.หางดง ว่าถูกประธานบริษัทคนดังกล่าวหลอกลวงชักชวนให้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และผิดสัญญา ทำให้เสียหายมูลค่าจนถึงขณะนี้เกือบ 4,000 ล้านบาท มีผู้เสียหายกว่า 100 ราย ใน 14 โครงการ

พฤติการณ์ผู้เสียหายได้ลงทุนกับบริษัทแห่งหนึ่ง ซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมและโรงแรม โดยโครงการยังไม่เริ่มก่อสร้าง แต่จ่ายเงินและทำสัญญาไว้กับทางบริษัท โดยบริษัทจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคารมากถึงร้อยละ 8 ต่อมาบริษัทผิดสัญญา เช่น ส่งมอบล่าช้า หลายโครงการยังสร้างไม่เสร็จตามสัญญา บางโครงการมีเพียงเสาเอกเท่านั้น ผู้เสียหายพยายามไกล่เกลี่ยกับบริษัท แต่ยังไม่มีการตอบรับ จึงรวมตัวกันไปร้องดีเอสไอเพื่อให้เป็นคดีพิเศษ จนนำมาซึ่งการตรวจค้นในวันนี้ การตรวจค้นครั้งนี้ไม่พบตัวประธานบริษัท พบเพียงหุ้นส่วนและญาติ ที่อยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงอายัดทรัพย์สินที่คาดว่าจะได้มาจากการกระทำผิด


กรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งนี้ชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย ยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกง ที่ผ่านมามีการให้ข้อมูลผ่านทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตลอด
ด้านนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงค์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง และมีรอที่จะมาให้ถ้อยคำอีกจำนวนมาก จากการสืบสวนพบว่ามีลักษณะบางอย่างที่อาจเข้าใจได้ว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชน จึงตั้งเรื่องสืบสวนตั้งแต่ปีที่แล้ว ได้ข้อมูลพอสมควร ซึ่งไม่เป็นไปตามสัญญาที่บริษัทให้ไว้กับผู้ลงทุน ซึ่งมีลูกค้าประมาณ 2,000 กว่าราย โดยกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องต่อดีเอสไอ เรื่องการฉ้อโกง เพราะในช่วงแรกยังให้ผลตอบแทนดี กระทั่งปี 2563 เริ่มไม่ให้ผลตอบแทนตามสัญญา จึงมองว่าถูกหลอกหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของบริษัทระบุว่าพยายามทำให้ได้ตามสัญญา แต่ช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ จึงไม่สามารถก่อสร้างได้ ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน มูลค่าความเสียหายที่ผู้ร้อง ร้องมาทั้งหมดประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท เบื้องต้นได้อายัดทรัพย์ไว้ก่อน หากพิสูจน์ชัดเจนว่าเข้าข่ายฉ้อโกงจะนำทรัพย์มาเกลี่ยคืนให้ผู้เสียหาย ส่วนทรัพย์ที่อายัดไว้ 14 โครงการ ประกอบด้วย ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง บ้าน และรถยนต์เก๋ง และจะตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียดด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

สว.ยื่นถอดถอนรัฐมนตรี

สว. จ่อยื่นถอดถอน​ “รมต.” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร

สว. ประกาศสงคราม​ เตรียมยื่นถอดถอน​ “รัฐมนตรี” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร พ่วง​ยื่นอภิปราย-แจ้งความ​-เชิญสอบใน​กมธ.​

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท