“ทวี ไกรคุปต์” ขับรถเบียดกระบะ ไม่ยอมรับผิด

23 มิ.ย. – “ทวี ไกรคุปต์” บิดาของ “เอ๋ ปารีณา” อดีต ส.ส.ราชบุรี ขับรถเก๋งเบียดรถกระบะชาวบ้าน บนถนนเพชรเกษม ก่อนขับหนีและไม่ยอมรับผิด เดือดร้อนถึงตำรวจต้องมาช่วยเคลียร์


ภาพจากกล้องหน้ารถกระบะที่ถูกรถเก๋งสีขาวเฉี่ยวชนบนถนนเพชรเกษม และขับหลบหนี รถกระบะที่ถูกชนจึงพยายามขับตามไปและกดแตรเรียกให้หยุด แต่ถูกรถเก๋งเบียดรอบที่ 2 ก่อนจะหยุดรถกลางถนน พบคนขับรถเก๋งคือ นายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา อดีต ส.ส.ราชบุรี แต่เหตุขับรถชนไม่สามารถตกลงกันได้ จึงต้องเรียกตำรวจ สภ.นครชัยศรี ให้มาดำเนินการตามกฎหมาย นำทั้งสองฝ่ายไปสอบปากคำ

นายอิสรา คนขับรถกระบะ เล่าว่า ขับรถมาจาก อ.กำแพงแสน เพื่อกลับบ้านที่เขตหนองแขม ขณะนั้นการจราจรไม่หนาแน่น วิ่งอยู่ในเลนขวา จู่ๆ รถเก๋งคันดังกล่าวเปลี่ยนขึ้นมาเลนขวาแล้วเบียด ซึ่งพยายามหลบจนเกือบจะขึ้นเกาะกลาง แล้วรถเก๋งคันดังกล่าวก็ไปต่อโดยไม่ยอมหยุดรถ จึงขับรถติดตามไป พร้อมกับกดแตรส่งสัญญาณให้หยุด แต่รถเก๋งไม่หยุด


เมื่อขับตามไปทันก็โดนเบียดอีก จนต้องขับไปหยุดอยู่หน้ารถเก๋ง เพื่อนที่นั่งมาด้วยลงไปดูและพบเป็นนายทวี แต่เจ้าตัวไม่ยอมคุยด้วย ไม่เรียกประกัน จึงต้องแจ้งความให้ตำรวจมาช่วยดำเนินการให้

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายทวีไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด และจะเรียกร้องค่าเสียหายคู่กรณีด้วย และขณะลงบันทึกประจำวัน นายทวีร้องขอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้มาพิสูจน์ข้อเท็จจริง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำทั้งสองฝ่ายและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และรอผลจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อประกอบการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอีกครั้ง

“ปารีณา” เซ็งพ่อขับรถชนอีกแล้ว
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่าอยากถามนักกฎหมายเก่งๆ กรณีอย่างนี้จะทำอย่างไรให้คุณพ่อเลิกขับรถได้บ้าง ในเมื่อรถยนต์ก็ไม่ใช่ของเรา และคุณพ่อไม่ยินยอม ไม่ฟังคนในครอบครัว ไม่ฟังใครเลย ทุกข์ใจค่ะ ข่าวนี้ขายได้ แต่ต้องขอบคุณสื่อที่วันนี้ไม่บูลลี่คุณพ่อทวี เพราะคนที่มีพ่ออายุมากจะเข้าใจปารีณา


ผู้สูงอายุกับการขับรถ-เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ
การขับรถชนและเกิดปัญหาของนายทวี ไกรคุปต์ ไม่ใช่ครั้งแรก ทำให้เกิดกระแสเรื่องการขับรถของผู้สูงอายุ โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถของผู้สูงอายุคือ อายุมากกว่า 85 ปี มีปัญหาด้านการมองเห็น มีภาวะสมองเสื่อม และมีภาวะต่างๆ ที่เกิดจากความเสื่อมสภาพของร่างกาย เช่น กำลังกล้ามเนื้อลดลง ความว่องไวในการตอบสนองต่อเหตุการณ์คับขันช้าลง การทำงานระหว่างอวัยวะต่างๆ ประสานกันได้ไม่ดี สมาธิลดลง และยังอ่อนล้าง่าย ถ้าต้องขับรถนานๆ

โรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุมีส่วนในการทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น โรคตาชนิดต่างๆ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม ทำให้ขับรถในเวลาโพล้เพล้หรือตอนกลางคืนแล้วมองไม่ชัด โรคสมองเสื่อม ในกรณีเป็นไม่มาก เพราะถ้าเป็นมากคงไม่มีใครยอมให้ขับรถ ผู้ที่สมองเสื่อม มีอาการหลงลืม ขับรถหลงทาง เลี้ยวผิดเลี้ยวถูก การตัดสินใจและสมาธิไม่ดี

โรคอัมพฤกษ์จากโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นโรคที่พบได้พอสมควรในผู้สูงอายุ ทำให้แขนขาไม่มีแรงที่จะขับรถ เหยียบคันเร่ง เหยียบเบรก หรือเปลี่ยนเกียร์ได้ไม่ดี บางคนมีอาการเกร็งมากจนขากระตุกเวลาเหยียบคันเร่งหรือเบรก โรคพาร์กินสัน มีอาการแข็งเกร็ง มือสั่น บางทีมีเท้าสั่นด้วย ทำอะไรเชื่องช้าลง ทำให้ขับรถได้ไม่ดี

โรคลมชัก ซึ่งพบได้ในผู้สูงอายุ เมื่อมีอาการชักจะเกร็ง กระตุก ไม่รู้สึกตัว ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โรคข้อเสื่อม ข้ออักเสบต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการขับรถ เช่น ข้อเข่าเสื่อม ทำให้เหยียบเบรกได้ไม่เต็มที่ ข้อเท้าอักเสบ ปวด โรคกระดูกคอเสื่อม ทำให้ปวดคอ เอี้ยวคอดูการจราจรได้ลำบาก หรือมีอาการปวดหลัง

อีกทั้งผู้สูงอายุส่วนใหญ่ต้องรับประทานยา บางคนรับประทานหลายชนิด บางชนิดมีผลทำให้ง่วงซึม เช่น ยาแก้เวียนศีรษะ ยาลดน้ำมูก ยานอนหลับ ยาคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ง่วงนอน มึนงง สับสนได้เวลาขับรถ

ควรทำอย่างไรถ้ายังต้องการขับรถเมื่ออายุมากแล้ว ถ้ามีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อนว่าสามารถขับรถได้หรือไม่ แพทย์จะประเมินการมองเห็น กำลังกล้ามเนื้อ การทำงานประสานกันของแขนขา การเกร็ง สั่นของกล้ามเนื้อ ความสามารถของสมอง และประเมินกระดูกและข้อต่อ ซักประวัติการรับประทานยาชนิดต่างๆ และประเมินโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ว่าเหมาะสมกับการขับรถหรือไม่

ผู้สูงอายุขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย
ส่วนวิธีปฏิบัติตัวให้ปลอดภัยเมื่อต้องขับรถ 1.ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายในการขับขี่รถ ที่สำคัญคือ การมองเห็น กำลังกล้ามเนื้อ ความสามารถของสมอง และกระดูกและข้อต่อ 2.ตรวจสอบสภาพรถเป็นระยะเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเครื่องยนต์ขัดข้องฉุกเฉิน 3.ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เมื่อจะขับรถ ตลอดจนหลีกเลี่ยงยาต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม มึนงง เมื่อต้องขับรถ 4.หลีกเลี่ยงการขับรถในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย 5.หลีกเลี่ยงการขับรถในช่วงกลางคืน 6.หลีกเลี่ยงการขับรถในสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสม เช่น ฝนตกหนัก เป็นต้น เนื่องจากทำให้มองเห็นเส้นทางไม่ดี 7.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับรถ 8.ถ้าเป็นไปได้ควรมีคนนั่งรถไปด้วยเพื่อช่วยกันดูเส้นทาง สัญญาณไฟจราจรและดูรถ และ 9.ไม่ควรขับรถทางไกลหรือไปในที่รถติด ซึ่งต้องใช้เวลาในการขับขี่เป็นเวลานาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : คอมมาลา แฮร์ริส

รายงานศึกชิงทำเนียบขาว 2024 พาไปรู้จักกับนางคอมมาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการเปลี่ยนม้าใหม่กลางศึก หากชนะได้เธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐด้วย

เปิดโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน