สำนักข่าวไทย 8 มิ.ย.-เปิดคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้องคดีหวย 30 ล้าน ชี้ชัดพยานบุคคลและพยานหลักฐานที่ “ครูปรีชา” นำสืบ มีข้อพิรุธน่าสงสัย ขัดแย้งกับข้อมูลที่ได้จากโทรศัพท์มือถือและคลิปเสียงการสนทนา ซึ่งเป็นพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ขณะที่ทนายความของครูปรีชา ออกมาตอกย้ำคดียังไม่จบแค่นี้ แต่เพิ่งเดินมาถึงแค่ครึ่งทางเท่านั้น
หลังจากที่วานนี้ (7 มิ.ย.) ศาลจังหวัดกาญจนบุรีอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นโจทก์ ฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ เป็นจำเลยในข้อหายักยอกทรัพย์สินหายและข้อหารับของโจร โดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำสลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2560 จำนวน 5 ใบ ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 รวมมูลค่า 30 ล้านบาท ที่โจทก์ซื้อจากแม่ค้าในตลาดเรดซิตี้และทำหล่นหายเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 60 ไปขึ้นเงินรางวัลที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า คำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษายืน ให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 นั้น มีคำวินิจฉัยที่น่าสนใจในประเด็นต่าง ๆ หลายประเด็น เช่น ประเด็นพยานบุคคลที่โจทก์นำสืบ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้โจทก์มีพยานบุคคลหลายปากมาเบิกความยืนยันและสนับสนุนถึงเหตุการณ์ที่โจทก์ไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งที่ตลาดเรดซิตี้ ในวันที่ 31 ต.ค. 2560 อย่างสอดคล้องต้องกันก็ตาม แต่คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวขัดต่อสภาพความเป็นจริงของเหตุการณ์ที่ควรจะเป็นอย่างเห็นได้ชัดและเป็นพิรุธ
ประกอบกับได้ความว่าโจทก์เดินทางไปตลาดเรดชิตี้และกระทำกิจกรรมลักษณะเดียวกันในตลาดบ่อยครั้ง และพยานโจทก์ส่วนมากมาเบิกความต่อศาลหลังเกิดเหตุแล้วเป็นเวลานาน อาจเป็นเหตุให้พยานโจทก์สับสนเกี่ยวกับวันที่พบเห็นพูดคุยกับโจทก์และจดจำเหตุการณ์คลาดเคลื่อนไปก็เป็นได้
นอกจากนี้ ยังได้ความจาก ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ตอบทนายจำเลยถามค้านว่า พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เรียกสำนวนการสอบสวนคดีเรื่องนี้ไปตรวจหลายครั้งและบอก ร.ต.อ.จิรยุทธ์ว่า เกลาให้มันกลม เพื่อให้คำให้การของพยานบุคคลสอดคล้องเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด หลังจากนั้น โจทก์ น.ส.รัตนาพร และ น.ส.พัชริดา ก็มาขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การอีกหลายครั้งเพื่อให้ข้อเท็จจริงสอดคล้องกัน นับเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้พยานบุคคลของโจทก์มาเบิกความในชั้นพิจารณาได้สอดคล้องต้องกัน พยานบุคคลของโจทก์จึงไม่อาจรับฟังเป็นความจริงได้
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์กับ น.ส.รัตนาพร ซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางแอปพลิเคชันไลน์ เมื่อ น.ส.รัตนาพร ได้กำหนด หมาย และทำการคัดเลือกสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง ซึ่งลงท้ายด้วยเลข 26 แยกมาจากสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับอื่นแล้ว ย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 460 สัญญาซื้อขายจึงเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ตามมาตรา 453 กรรมสิทธิ์ในสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งย่อมตกเป็นของโจทก์ตามมาตรา 458 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาจะเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาทำคำเสนอ และอีกฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาสนองรับคำเสนอถูกต้องตรงกัน คำเสนอจึงต้องมีข้อความชัดเจนเพียงพอที่จะถือเป็นข้อผูกพันในสัญญาได้ สำหรับสลากกินแบ่งรัฐบาลมีหมายเลข 6 หลักเป็นเกณฑ์ชี้ขาดในการถูกรางวัลสำคัญ และกรณีที่ขายสลากเป็นชุดประกอบด้วยหมายเลข 6 หลักตรงกันหลายฉบับ มักจะขายเกินกว่าราคาที่ระบุไว้หน้าสลาก
ดังนั้น คำเสนอในการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบเป็นชุด อย่างน้อยจะต้องปรากฏหมายเลข 6 หลักและราคาที่จะซื้อขายอยู่ด้วย การที่โจทก์สั่งซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเลขท้าย 2 ตัว หมายเลข 26 จาก น.ส.รัตนาพร เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2560 นั้น พบว่าไม่มีรายละเอียดชัดเจนพอที่จะถือว่าเป็นคำเสนอได้ คงเป็นเพียงการแจ้งความประสงค์ของโจทก์ให้ทราบว่า ต้องการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเลขท้าย 2 ตัว หมายเลข 26 เพื่อให้ น.ส.รัตนาพร จัดหาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีหมายเลขดังกล่าวมาเสนอขายโจทก์เท่านั้น
การที่ น.ส.รัตนาพร ได้คัดเลือกสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่เลขท้าย 2 ตัว หมายเลข 26 แยกมาจากสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับอื่นเพื่อเตรียมไว้ขายให้โจทก์ จึงไม่ทำให้เกิดสัญญาซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดดังกล่าวระหว่างโจทก์กับ น.ส.รัตนาพร อันจะทำให้กรรมสิทธิ์ในสลากกินแบ่งรัฐบาลตกเป็นของโจทก์ดังที่โจทก์ฎีกา
แต่อย่างใด พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีข้อพิรุธน่าสงสัย ทั้งยังขัดแย้งกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่และไฟล์เสียงการสนทนาที่คัดลอกมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโจทก์กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หลายประการ ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่า โจทก์ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งจาก น.ส.รัตนาพร
ดังนั้น สลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่จำเลย (หมวดจรูญ) นำไปรับเงินรางวัล ย่อมไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและพิพากษายกฟ้องต้องกันมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ทางด้านนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความของครูปรีชา หลังจากทราบเรื่องศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “คดีหวย 30 ล้าน เพิ่งถึงครึ่งทางเอง ถามนักกฎหมายดูได้ครับ อย่าด่วนสรุป จะรีบลุกไปไหน คอยชมไปเรื่อย ๆ #ความจริงคือความจริง”.-สำนักข่าวไทย