จุดตกเรือและพบศพแตงโมไม่มีโคลน ตามที่ระบุในผลนิติเวช

นนทบุรี 16 พ.ค. – “อัจฉริยะ” นำทีมกู้ภัยทางน้ำที่เคยร่วมภารกิจถ้ำหลวง งมค้นหาหลักฐานคดีแตงโม ยืนยันจุดตกเรือและพบศพ “แตงโม” ไม่มีโคลนเหมือนที่ระบุไว้ในผลนิติเวช เตรียมส่งหลักฐานมอบดีเอสไอ 18 พ.ค.นี้


นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมนายเฉลิมพล หงษ์ยนต์ ประธานชมรมกู้ภัยทางน้ำภาค 7 นำเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำที่เคยร่วมภารกิจถ้ำหลวง มาลงดำน้ำ บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม 1 อ.เมืองนนทบุรี เพื่องมหาวัตถุพยาน ที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงชื่อดังที่พลัดตกน้ำเสียชีวิต โดยมีการใช้เรือหางยาว 4 ลำ ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาไปตามจุดต่างๆ รวม 3 จุด คือจุดที่คาดว่าจะเป็นจุดที่ดาราสาวตกน้ำ จุดที่ร่างดาราสาวโผล่ขึ้นจากน้ำ และจุดที่บริเวณท่าทรายของเอกชน

ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ผลของภารกิจวันนี้ทำให้ได้พิสูจน์ว่า จุดตกเรือและจุดพบศพที่ควรจะต้องมีโคลน เพราะผลนิติเวชบอกว่าพบโคลนในปอดแตงโมนั้น ปรากฏว่าจากการดำสำรวจของนักประดาน้ำวันนี้ พบว่าทั้ง 2 จุด ไม่มีโคลน มีแต่ทราย โดยจุดแรกมีความลึกประมาณ 15-16 เมตร ส่วนจุดที่ 2 มีความลึกประมาณ 17-19 เมตร ซึ่งขัดแย้งกับผลนิติเวชที่บอกว่าแตงโมจมน้ำตื้น จึงชัดเจนว่า แตงโมไม่ได้ตกเรือที่จุดนี้แน่นอน


ขณะที่จุดที่ 3 ที่ท่าเทียบเรือทรายที่เป็นจุดที่ตนสงสัย เนื่องจากมีภาพในกล้องวงจรปิด ว่ามีการนำเรือมาจอดแวะที่จุดนี้ในช่วงเวลาใกล้กับเวลาเกิดเหตุ แต่ตำรวจไม่เคยพูดถึง ซึ่งจากการสำรวจของนักประดาน้ำวันนี้ พบว่าใต้น้ำจุดดังกล่าว มีแต่โคลน ไม่มีทราย โดยมีความลึกประมาณ 7 เมตร ซึ่งสอดคล้องกับที่พบโคลนในปอด ตนจึงสงสัยว่าแตงโมน่าจะตกเรือตรงนี้มากกว่า เพราะทรายที่พบว่ากำอยู่ในมือก็มีลักษณะเหมือนทรายบนเรือขนทรายที่จอดตรงนั้น และระดับน้ำก็ไม่ลึกด้วย ซึ่งหลักฐานเรื่องโคลนและทรายที่พบในวันนี้ ก็จะเป็นหนึ่งในหลักฐานที่ตนจะนำไปยื่นให้ดีเอสไอในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ด้วย

ทั้งนี้ การค้นหาวันนี้ ยังไม่เจอผ้ากระโปรงสีขาว หรือวัตถุโลหะใดๆ แต่นายอัจฉริยะ ระบุว่า ตอนนี้ตนทราบแล้วว่าผ้าขาวอยู่ที่ไหน เพราะมีพยานที่พบว่าผ้าขาวลอยไปอยู่ที่ท่าช้าง ซึ่งพยานจะเข้ามาพบตนในวันนี้ โดยยืนยันว่าผ้านี้เป็นของจริงแน่นอน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนอาวุธมีดพก K2 ที่ตนมีภาพว่าตอนเอาเรือไปเติมน้ำมัน มีคนบนเรือคนหนึ่งพกมีดนี้ไว้กับตัวตลอด แต่หลังเกิดเหตุมีดนี้หายไป ซึ่งแม้วันนี้จะหาไม่พบ แต่จะไปยื่นให้ดีเอสไอช่วยตรวจสอบ โดยต้องสอบปากคำคนในเรือว่าเอามีดไปทิ้งไว้ที่ไหน โดยมีดนี้มีความสำคัญ เพราะได้ทดลองนำมีดรุ่นเดียวกันมากรีดลงบนเนื้อหมูก็ได้บาดแผลใกล้เคียงกับแผลที่ต้นขาขวาของแตงโม และหมอที่ทำการทดสอบก็จะมาเป็นพยานให้ตนด้วย

นายอัจฉริยะ ยังยืนยันด้วยว่า ตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่จะนำไปยื่นกับดีเอสไอ ว่าจะสามารถทำให้คดีนี้เข้าสู่กระบวนการของการสอบสวนคดีพิเศษได้ เพราะมีความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญประกอบ รวมถึงหมอพรทิพย์ด้วย และหากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ก็จะสามารถนับหนึ่งใหม่ ทำการสอบสวนโดยที่ไม่มีธง ซึ่งตนยังเชื่อว่าคดีนี้เป็นฆาตกรรมอำพรางแน่นอน แม้แต่ตำรวจก็ไม่มีคลิปหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นการพลัดตกเรือ ส่วนภารกิจในวันนี้ ตนทราบว่ามีหลายคนคิดว่า มาหาหลักฐานตอนนี้ สภาพในน้ำคงจะเปลี่ยนไปหลายอย่างแล้ว แต่ตนคิดว่าพอใจกับสิ่งที่ได้ เพราะทำให้เห็นเรื่องโคลนและทราย


สำหรับการขอเข้าพบอัยการ ที่ครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าพบนั้น นายอัจฉริยะบอกว่า ตอนนี้ตนไม่สนใจอัยการแล้ว แต่ก็ขอให้ซื่อสัตย์ไปให้ตลอด อย่าเล่นลิ้น ส่วนเรื่องเอกสารคำฟ้องที่บอกว่าเป็นของปลอมส่งไปที่บ้านอัยการโดย นาย อ. นั้น นายอัจฉริยะ ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับตน แต่เอกสารนี้ ตนก็มีเหมือนกัน และเป็นเอกสารของจริงที่ถูกนำไปยื่นฟ้องศาลในวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ศาลยกฟ้อง และคนที่จะรู้ที่อยู่ของอัยการได้ ก็ต้องไม่ใช่บุคคลทั่วไป จึงต้องไปดูท้ายคำฟ้องว่าใครเป็นผู้เรียงพิมพ์

ขณะที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความคดีแตงโม กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ตนได้รับรายงานเกี่ยวกับนายอัจฉริยะ ที่ได้ไปงมหาพยานหลักฐานที่แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณจุดเกิดเหตุที่แตงโมตกแม่น้ำเจ้าพระยา โดยนายอัจฉริยะ ได้ไปเจอทรายเจอโคลน เจอผ้าคาดเอว เจออะไรต่างๆ ซึ่งในเรื่องนี้ ในฐานะที่ตนเป็นทนายความของแม่น้องแตงโม ซึ่งเป็นทนายความของผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามกฎหมาย ขอเรียนว่าพยานหลักฐานต่างๆ ของนายอัจฉริยะ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีนั้น ไม่สามารถที่จะนำเข้าสู่สำนวนพนักงานสอบสวนได้ และไม่สามารถนำเข้าสู่สำนวนของพนักงานอัยการได้ เนื่องจากไม่ใช่คู่ความในคดี การจะนำไปส่งให้ดีเอสไอ ก็ไม่ได้มีผลต่อคดีแตงโมแต่อย่างใด ดังนั้น การค้นหาพยานหลักฐานของนายอัจฉริยะไม่ได้มีผลต่อรูปคดีแตงโม

อีกทั้ง ในปัจจุบันนี้การสอบสอบสวนของพนักงานสอบสวนก็เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจสอบสวนแล้ว อีกทั้งขณะนี้คดีอยู่ที่อัยการ คาดว่าไม่เกิน 7 วัน หรือ 10 วัน น่าจะมีการออกคำสั่งฟ้องและพาตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัยตึก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายเหตุตึก สตง.ถล่ม พร้อมสอบถามถึงอุปสรรคในการทำงานและความต้องการเพิ่มเติม

ปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน

รองผู้ว่าฯ กทม. เผยยอดผู้เสียชีวิตเหตุตึกถล่ม ที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว อยู่ที่ 16 ราย และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 78 ราย พร้อมแจงปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน