อุบลราชธานี 16 พ.ค. – ญาติคนไข้เมากร่าง ถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เหตุไม่พอใจไม่ให้นำตัวผู้บาดเจ็บกลับบ้าน เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินโร่แจ้งความเอาผิด
คลิปขณะญาติของนายเดชา อายุ 49 ปี ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เมาอาละวาดถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา จนสร้างความโกลาหลวุ่นวายให้กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเป็นอย่างอย่างมาก
นายวิท อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินที่ถูกถ่มน้ำลายใส่หน้า เล่าว่า ขณะตนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉิน มีชายอายุประมาณ 45-50 ปี ลักษณะคล้ายคนเมาสุรา พยายามบุกเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อนำตัวนายเดชา ผู้บาดเจ็บ กลับบ้าน ขณะนั้นนายเดชายังต้องอยู่ในการรักษาของแพทย์ เพื่อรอดูอาการทางสมอง หลังจากประสบอุบัติเหตุ จังหวะนั้นตนเดินมาพบพอดีจึงเข้าไปห้ามปราม เพราะเกรงว่าชายคนดังกล่าวจะทำร้ายเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล
จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินเข้าไปกระชากสายน้ำเกลือจากแขนนายเดชา ตนก็เดินเข้าไปห้ามอีกครั้งจนมีปากเสียงกัน ก่อนจะถูกชายคนดังกล่าวถ่มน้ำลายใส่หน้า 2 ครั้ง รปภ.ของโรงพยาบาล จึงเข้ามาควบคุมตัวออกไปจากห้องฉุกเฉิน ก่อนจะมีชายอีกหนึ่งคนขับขี่รถจักรยานยนต์มารับตัวออกไปจากโรงพยาบาล และตะโกนข่มขู่ตนในลักษณะว่าจะกลับมารังควาญอีก จึงเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
แหล่งข่าวรายหนึ่งในโรงพยาบาลเปิดเผยว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ไม่สามารถดำเนินคดีได้สักที ก่อนหน้านี้ประมาณเดือนพฤศจิกายน 64 มีชายขี่รถกระบะติดสัญญาณไฟไซเรน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน นำผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุมารักษาและโวยวายด่าทอเจ้าหน้าที่พยาบาลและหมอ ขณะสอบถามอาการและตรวจสอบสิทธิการรักษา จนเป็นที่โด่งดังในโซเชียลมาแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนั้นทางโรงพยาบาลได้เข้าแจ้งความกับ สภ.วารินชำราบ แต่ยังไม่สามารถนำตัวคนผิดมาดำเนินคดีได้
ส่วนครั้งนี้ถึงขั้นถอดถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้าหน้าที่ ทำให้เสี่ยงต่อการกระจายเชื้อโควิดภายในโรงพยาบาล และอาจเป็นการขัดคำสั่งของทาง จ.อุบลราชธานี ที่ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยังไม่รวมถึงการประพฤติตนวุ่นวาย ก่อกวนการรักษาคนไข้ของเจ้าหน้าที่
เบื้องต้นตำรวจรับคำร้องทุกข์ไว้แล้วจะส่งเรื่องให้ชุดสืบสวนเข้าไปสอบสวนนายเดชา ผู้บาดเจ็บ ว่ารู้จักกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ และจะเก็บหลักฐานจากกล้องวงจรปิดของทางโรงพยาบาล เพื่อนำมาประกอบสำนวน ในข้อหาข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว และทำร้ายร่างกายผู้อื่น รวมถึงการบุกรุกและก่อความเดือดร้อนแก่ทางโรงพยาบาล.-สำนักข่าวไทย