รวบแล้วพี่ชายโหด ยิงน้องชายดับคาสวนผลไม้-คุมตัวทำแผน

จันทบุรี 13 พ.ค. – รวบแล้วพี่ชายยิงน้องชายเสียชีวิตคาสวนผลไม้ ขณะลูกชายพยายามพาหลบหนีออกจาก จ.จันทบุรี ก่อนคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่สวนผลไม้ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี


ความคืบหน้ากรณีนายบุญมี พี่ชายแท้ๆ วัย 68 ปี บุกใช้อาวุธปืนยิงนายเฉลิม น้องชาย วัย 61 ปี 3 นัด เสียชีวิตคาสวนผลไม้ หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปที่บ้านพักในสวนยาง พื้นที่ตำบลแก่งหางแมว อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี พร้อมอาวุธปืน 2 กระบอก

มีรายงานว่าช่วงเย็นวานนี้ (12 พ.ค.) นายบุญมีได้หลบหนีออกจากพื้นที่จันทบุรีไปแล้ว โดยมีลูกชายอีกคนซึ่งทำงานที่จังหวัดสมุทรปราการ ขับรถมารับที่บ้านที่จังหวัดจันทบุรี มุ่งหน้าเดินทางไปจังหวัดปราจีนบุรี แต่ระหว่างทางรถได้ประสบอุบัติเหตุในพื้นที่อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา จนลูกชายได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะนายบุญมีอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป


ล่าสุดได้รับรายงานว่าตำรวจชุดสืบสวนสามารถตามจับกุมตัวนายบุญมีได้ในพื้นที่แปดริ้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะพยายามหนีลงไปซ่อนตัวในน้ำ และแอบขึ้นมาเดินทางบนบก ลัดเลาะตามชายป่าในรุ่งเช้า แต่ถูกเจ้าหน้าที่บุกจับกุมตัวได้สำเร็จ

ต่อมาชุดจับกุมได้คุมตัวนายบุญมีเดินทางกลับไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี เพื่อสอบสวน เบื้องต้นทราบข้อมูลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีลูกชายนายบุญมีสมรู้ร่วมคิดก่อเหตุในครั้งนี้ด้วย

ขณะนี้ตำรวจชุดจับกุมได้แบ่งกำลังไปจับกุมตัวลูกชายนายบุญมีที่อำเภอแก่งหางแมว และนำพาไปเอาอาวุธปืนของกลางที่นำไปซ่อนไว้ในป่า ก่อนจะคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี


เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ชนวนเหตุมาจากปัญหาพิพาทเรื่องมรดกแบ่งที่ดินไม่ลงตัว ซึ่งมีปัญหากันมานานแล้ว

ล่าสุดตำรวจควบคุมตัวนายบุญมี ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงนายเฉลิม น้องชาย เสียชีวิต มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังสวนผลไม้พื้นที่บ้านบึงบอน หมู่ 7 ตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนชุดปฏิบัติการพิเศษ กระจายกำลังกันไม่ให้ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตทำร้ายประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พานายบุญมีไปชี้จุดแนวหลักเขตแดนที่เกิดข้อพิพาทกับผู้เสียชีวิต โดยได้นำพาไปชี้จุดบริเวณที่มีการใช้รถที่ผู้ตายว่าจ้างรถแบ็กโฮมาขุดปรับพื้นที่ บริเวณที่ทับซ้อนพิพาทระหว่างของผู้ต้องหากับผู้เสียชีวิต โดยผู้ต้องหากล่าวยืนยันว่าในวันเกิดเหตุได้เดินมาสอบถามนายเฉลิมว่ามีการนำรถแบ็กโฮมาขุดในที่ดินของตัวเอง ซึ่งทำให้เกิดการโต้เถียงกัน และทำให้นายเฉลิม ผู้เสียชีวิต ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ลงในหลุมที่ใช้รถแบ็กโฮขุด จึงเกิดความโมโห ในวันเดียวกันในขณะที่นายเฉลิมเดินมาเปิดแผงควบคุมมอเตอร์เพื่อปล่อยน้ำในสวน ผู้ต้องหาได้เดินมาพูดคุยกับน้องชาย เพื่อสอบถามเรื่องแนวเขตอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะเกิดปะทะคารมกัน และในขณะที่ผู้เสียชีวิตล้วงมือไปหยิบขยับกระเป๋า ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความระแวงว่าผู้เสียชีวิตจะใช้อาวุธปืนมายิง จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนพกที่ตัวเองเตรียมมาและขึ้นลำไว้ยกขึ้นมายิงสวนเข้าใส่ผู้ตาย ยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าได้ยิงผู้ตายไปกี่นัด หลังเห็นผู้ตายล้มลงจึงยกร่างของผู้ตายทิ้งลงไปในสระน้ำเพื่ออำพราง ก่อนจะขับรถหลบหนีไปที่อำเภอแก่งหางแมว

ผู้ต้องหาบอกว่าหากย้อนเวลากลับได้จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยอารมณ์โมโหที่ผู้ตายมีปัญหาขัดแย้งเรื่องที่ดินกับตนเองและไม่ยอมอ่อนข้อปล่อยวาง

รองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า ตำรวจแกะรอยจากการใช้สัญญาณโทรศัพท์ติดตามไปอย่างต่อเนื่อง พบผู้ต้องหาปลอมตัวเป็นคนเร่ร่อนเดินอยู่ริมทางบริเวณจุดจับกุม จึงลองส่งเสียงเรียกชื่อนายมี ขณะนั้นผู้ต้องหาเผลอหันกลับมา ทำให้ชุดสืบสวนแน่ใจว่าเป็นผู้ต้องหา จึงใช้กำลังเข้าจับกุมตัวได้

ด้านลูกชายคนเล็กของนายเฉลิม ผู้เสียชีวิต เปิดเผยความในใจว่า ไม่คิดว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุฆ่าพ่อของตนเองจะเป็นลุงแท้ๆ ที่ผ่านมาตนเองกับลุงมีการพูดคุยกันปกติ แต่ลุงกับพ่อมักมีปากเสียงทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง เรื่องปัญหาพิพาทที่ดินทับซ้อนกัน จากนิสัยส่วนตัวของลุง ภายนอกเป็นคนอารมณ์แปรปรวน พูดจาโผงผาง แต่ไม่คิดว่าจะกล้าถึงขนาดใช้อาวุธปืนยิงพ่อของตนเองได้อย่างลงคอ ทั้งนี้ ยังอยากอโหสิกรรมให้กับลุง แต่ให้ทางตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

แนวร่วมเริ่มปราศรัย! จนท.เข้มปลอดภัย-จราจรหนึบ

กทม. 28 มิ.ย.- กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปักหลักชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ จับตาไฮไลท์ช่วงเย็นแกนนำขึ้นปราศรัย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด กิจกรรมเวทีชุมนุมกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย​ เริ่มตั้งแต่ 10.00 น.​ เป็นพิธีทางศาสนาอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรบุรุษชาติทหาร​ ก่อนที่ในช่วงเที่ยงจะมีการปราศรัยจากแนวร่วมผู้ชุมนุม ขึ้นสลับสับเปลี่ยนกัน​ แต่ไฮไลท์ของกิจกรรมจะอยู่ช่วงเย็น​ หลังร้องเพลงชาติ 18.00 น.​ จะมีการอ่านแถลงการณ์ จากนั้นระดับแกนนำจะสลับกันขึ้นปราศรัย อาทิ นายสนธิ​ ลิ้มทองกุล​ นายปานเทพ​ พัวพงษ์พันธ์ นายสมชาย​ แสวงการ นายเจษ โทณวณิก​ นายนิธร​ ล้ำเหลือ และปิดท้ายด้วยนายจตุพร​ พรหมพันธุ์ โดยจะปิดเวทีเวลา 21.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. นำคณะเดินทางจากสะพานชมัยมารุเชฐ แถวทำเนียบรัฐบาล มาสมทบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมกล่าวถึงภาพรวมการชุมนุม โดยยอมรับว่าได้รับรายงานเรื่องการตั้งด่านสกัด เพื่อไม่ให้เดินทางเข้ามาร่วม พร้อมย้ำการชุมนุมครั้งนี้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการชุมนุมของบ้านเมือง รักประเทศ และย้ำว่าการชุมนุมไม่มีท่อน้ำเลี้ยงจากกลุ่มองค์กรใด แต่เป็นท่อน้ำเลี้ยงที่มาจากเงินบริจาคของประชาชน ขณะเดียวกันไม่กังวลกลุ่มที่จะมาป่วน ด้าน […]

น้ำท่วมพญาเม็งรายเริ่มลด แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน

เชียงราย 28 มิ.ย.- เริ่มคลี่คลาย! สถานการณ์น้ำท่วมพญาเม็งราย จ.เชียงราย เช้านี้ระดับน้ำลดลงแล้วกว่า 80% แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้ เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงไปแล้วกว่า 80% เหลือเพียงคราบโคลนจำนวนมากที่ยังปกคลุมที่อยู่อาศัยและถนนหลายสาย เช้านี้มีฝนตกโปรยปรายต่อเนื่อง  ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ยังคงเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ เนื่องจากขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น น้ำสะอาด อุปกรณ์ทำครัว และแหล่งพลังงาน จึงขอรับการสนับสนุนอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฟื้นฟูพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้มณฑลทหารบกที่ 37 ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นเบื้องต้นแล้ว ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักอีกครั้ง -สำนักข่าวไทย

นายกฯ บินเชียงรายตรวจน้ำท่วม ไม่กังวลม็อบขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ

บน.6 ดอนเมือง 28 มิ.ย.- นายกฯ นำคณะตรวจน้ำท่วมเชียงราย ไม่กังวลม็อบชุมนุมขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ ยินดีคุยด้วยสันติวิธี เช้านี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ หลังฝนตกหนัก ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทย ก่อนออกเดินทาง นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่ วันนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เรียกร้องให้ตนเองลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ได้ขอให้หน่วยงานความมั่นคงช่วยดูแลให้สงบเรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ยังไม่มีอะไรนะคะ” ก่อนย้อนถามว่า “มีอะไรแล้วหรือคะ” เป็นปกติ ก็เป็นสิทธิอยู่แล้ว ซึ่งได้บอกให้ดูให้เรียบร้อย ไม่อยากให้มีความรุนแรง ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าคิดว่าการชุมนุมนี้จะบานปลายหรือไม่ เพราะเป็นการรวมพลังกันของหลายกลุ่ม นายกฯ กล่าวว่า ก็หวังว่าจะไม่มี ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า ธงของการชุมนุมครั้งนี้คือต้องการให้นายกรัฐมนตรี ลาออก […]

เตือน “เหนือ-อีสาน” ฝนถล่ม ระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก

กทม. 28 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือน “เหนือ-อีสาน” เตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือบริเวณจังหวัดเชียงรายและน่าน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย