ประจวบคีรีขันธ์ 11 พ.ค. – แม่น้ำกุยบุรีไหลหลากซัดเรือประมงพื้นบ้านที่จอดในคลองกุยบุรี ผูกเชือกยึดเรือกับหมุดริมคลองเอาไม่อยู่ พัดพาเรือขนาดใหญ่ พร้อมลูกเรือ 3 คน ลอยไปไกล 300 เมตร เจ้าของเรือติดอยู่ในเก๋งพลิกคว่ำหลายตลบ เคราะห์ดีเพื่อนส่งเชือกให้เกาะ จึงรอดตายหวุดหวิด

เหตุการณ์นี้สืบเนื่องจากฝนที่ตกต่อเนื่องมากว่า 5 วัน ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่งผลให้น้ำในอ่างเก็บน้ำยางชุม อ.กุยบุรี ล้นสปิลเวย์ ปริมาณน้ำมหาศาลไหลลงสู่คลองกุยบุรี ระยะทางยาวกว่า 30 กิโลเมตร เรือประมงพื้นบ้าน จำนวน 3 ลำ ที่จอดหลบคลื่นลมอยู่ในคลองปากแม่น้ำกุยบุรี ทั้ง 2 ฝั่ง คือ หมู่ 1 บ้านปากคลองเกลียว ต.บ่อนอก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และหมู่ 3 บ้านโพธิ์เรียง ต.กุยเหนือ อ.กุยบุรี ถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ประกอบกับมีเศษไม้เศษสวะไหลตามกระแสน้ำมากระแทกเข้ากับลำเรือ ทำให้เรือที่ยึดโยงไม่สามารถต้านทานมวลน้ำมหาศาลได้ พัดพาเรือประมงไดหมึกของนายสมชัย หรือ ยา กงสุน ขาดออกจากกัน ไหลออกสู่ทะเล เรือพลิกคว่ำหลายตลบ ส่วนตัวเจ้าของเรือ ซึ่งอยู่ในเก๋งเรือ ติดอยู่ภายใน ขณะที่น้ำเริ่มท่วมเก๋ง อยู่ในสภาพหมดแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ประกอบกับแขนซ้ายได้รับบาดเจ็บเข้าเฝือกไว้ จึงไม่สามารถว่ายน้ำออกมาได้ เพื่อนชาวประมงที่เห็นเหตุการณ์จึงโยนเชือกให้จับ ทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด ส่วนลูกเรือประมง 2 คนที่อยู่บนเรือ กระโดดออกจากเรือได้ทัน ก่อนที่เรือจะพลิกคว่ำ
นายสมชัย เจ้าของเรือประมง กล่าวว่า ตลอดชีวิต 40 ปี การทำอาชีพประมง ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ขณะนั้นอยู่ภายในเรือ น้ำที่เชี่ยวกรากทำให้เรือพลิกคว่ำ ตีลังกาไปโดนเรือลำอื่นอีกหลายลำ คิดว่าตนเองไม่รอด หากไม่โผล่ขึ้นมาก็คงสำลักน้ำตาย เพราะมุดอยู่ใต้ท้องเรือ ตอนนี้รู้สึกเสียใจ คิดอะไรไม่ออก เพราะเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งเครื่องมือทำกินเสียหายกว่าล้านบาท เช่น เครื่องนำทาง GPS เครื่องปั่นไฟ หลอดไฟ อวน เป็นต้น

ด้านนายณรงค์ สาหร่าย ผู้ใหญ่บ้านโพธิ์เรียง บอกว่า จากการตรวจสอบพบมีเรือประมงพื้นบ้านเสียหายหนัก จำนวน 2 ลำ และเสียหายปานกลางอีก 6 ลำ รวมเป็น 8 ลำ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายจากภัยพิบัติ. – สำนักข่าวไทย