พระบิดาแสดงอิทธิฤทธิ์ “ล่องหน” หลังศาลปล่อยตัว

ชัยภูมิ 10 พ.ค. – “พระบิดา” เจ้าลัทธิประหลาด ล่องหน หลังได้ประกันตัว คาดไปอยู่กับลูกศิษย์ที่อุดรธานี ด้านป่าไม้แจ้งจับเอาผิดบุกรุกป่า


หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบุกตรวจสำนักฤาษีประหลาด พื้นที่บ้านกุดแคน หมู่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ที่มีนายทวี หนันรา ตั้งตัวเป็นพระบิดาของทุกศาสนา มีตำรับยาอุจจาระ ปัสสาวะ เสมหะ ขี้ไคล รวมถึงโอสถทิพย์ที่บรรจุในโอ่งมังกรนับร้อย ใครกินแล้วจะช่วยรักษาสารพัดโรค เพื่อนำศพ 11 ศพ ไปตรวจพิสูจน์

การตรวจพิสูจน์เบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติ ทุกศพมีใบมรณบัตร เสียชีวิตจากมะเร็ง ติดเชื้อในกระแสเลือด และศพนานสุดถูกเก็บไว้ 5 ปี ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายศพทั้งหมดไปเก็บรักษาไว้ในสุสานอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และติดต่อญาติให้มารับกลับไปบำเพ็ญกุศล ขณะที่การสอบสวนญาติๆ ทราบว่าที่นำศพไปเก็บรักษาไว้ที่สำนักของพระบิดา เพราะเชื่อว่าหากเก็บไว้ที่นี่ผู้เสียชีวิตจะได้ขึ้นสวรรค์ และเจ้าสำนักบอกว่าโลกจะแตกในอีกไม่นาน และผู้เสียชีวิตจะกลับเข้าสู่ร่างเดิมเมื่อเกิดบนโลกใบใหม่ และพระบิดาของเหล่าสาวก จะเป็นเจ้าลัทธิ


ส่วนการดำเนินคดีกับพระบิดาในเบื้องต้น พันตำรวจเอกวัฒนชัย จันทาทุม ผู้กำกับการ สภ.คอนสาร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า มีเพียง 3 ข้อหา คือ บุกรุกป่า บุกรุกที่สาธารณประโยชน์ และความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค ส่วนความผิดอื่นที่เข้าข่ายแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มคือ กระบวนการบำบัดรักษาอาการป่วย และการจัดการศพ ซึ่งภายหลังตำรวจคุมตัวพระบิดาส่งศาลฝากขัง ศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวไปด้วยวงเงิน 50,000 บาท โดยมีการคาดการณ์ว่าพระบิดาได้เดินทางกลับไปบ้านที่ขอนแก่น โดยคนที่นำเงินวางประกันตัวนายทวี คือ นายทองทิพย์ หนันลา อายุ 62 ปี น้องชายของพระบิดา

ทีมข่าวพยายามขอสัมภาษณ์นายทองทิพย์ บอกเพียงว่าหลังนำเงินไปประกันตัวพระบิดาออกมาจากนั้นพระบิดาก็ออกไปกับลูกศิษย์ ซึ่งขณะนี้ขอไม่บอกว่าไปอยู่ที่ไหน หากอยากรู้ให้หมอปลาไปควานหาเอาเอง เพราะเห็นว่าเก่งนักหนา หรือหากอยากเจอตัวจริงๆ ก็รอวันขึ้นศาล หรืออีก 12 วัน ส่วนอาการของพระบิดาตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะลูกศิษย์คนที่รับตัวไปก็ดูแลอย่างดีและไว้ใจได้ อีกทั้งพระบิดาไม่ได้มีอาการเครียดหรือกังวลลอะไร เพราะปล่อยวางแล้ว ถึงแม้เมื่อวานจะมีการยั่วยุจากหมอปลาก็ไม่ได้ติดใจอะไร แม้กระทั่งทรัพย์สินของท่านยังปล่อยวาง ตอนนี้ได้ยกที่ดินทั้งหมด 16 ไร่ ให้น้องชายคนเล็กครอบครอง ส่วนเรื่องที่มีการพบห่อยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีนั้น ส่วนตัวว่าไม่เป็นความจริง เพราะท่านจะไม่ยอมกินยา นอกจากยาที่ปรุงเองเท่านั้น

ขณะที่ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านของนายบุญตัน หนันลา อายุ 77 ปี ซึ่งคาดว่าหลังจากพระบิดาได้รับการประกันตัวจะกลับมาบ้านพี่ชาย แต่ไม่พบ


นายบุญตัน เปิดเผยว่า พระบิดาไม่ได้กลับมาที่นี่ อาจจะไปอยู่กับลูกศิษย์ที่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง หรืออาจจะเป็น จ.อุดรธานี จ.มหาสารคาม ก็เป็นได้ แต่ส่วนตัวแล้วไม่ทราบจริงๆ ว่าน้องชายไปอยู่ที่ไหน และตอนนี้ไม่ได้เป็นห่วงแล้ว เพราะคิดว่าลูกศิษย์ต้องดูแลอย่างดี แน่นอน

ชาวบ้านโวยพระบิดาปล่อยน้ำเสียจากศพส่งกลิ่นเน่าเหม็น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านกุดแคน หมู่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เนื่องจากสำนักลัทธิประหลาดปล่อยน้ำเสียจากศพและจากการหมักสมุนไพรส่งกลิ่นเหม็น ทำคุณภาพชีวิตแย่มานานหลายปี

นายแสวง สุขขีอายุ 78 ปี บอกว่า เดิมทีรู้จักและเคยพูดคุยกับพระบิดา เจ้าสำนักประหลาด เพราะตนเองมีที่ไร่ที่นาอยู่บริเวณใกล้เคียงติดกับที่ดินสาธารณะที่เป็นที่ตั้งสำนักดังกล่าว แต่ตนไม่ค่อยชอบตรงที่ว่ามีการปล่อยให้พื้นที่มีขยะมาก ส่งกลิ่นเหม็น แถมขยะต่างๆ ที่นำมาหมักไว้ในโอ่งก็ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วป่า ยิ่งเวลามาทำไร่ทำสวนจะได้กลิ่นเน่าเหม็นเป็นประจำ

ทั้งนี้ พื้นที่ป่าดังกล่าวมีการทำรั้วปิดมิดชิด ไม่ค่อยปล่อยให้คนนอกเข้าไป ส่วนใหญ่จะมีการปลูกกระท่อมอยู่กันเฉพาะคนในกลุ่มของลูกศิษย์เป็นครอบครัวราว 20-30 หลังคาเรือน และตามแนวป่าก็จะมีการนำต้นกระบองเพชรมาปลูกเป็นแนวรั้วไว้เพื่อแสดงเป็นแนวเขตของสำนักประหลาด

ป่าไม้แจ้งจับพระบิดาพร้อมสาวกบุกรุกที่ป่า
ด้านนายสาโรจน์ บุญพร้อม หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าคอนสาร ออกมายืนยันว่าพื้นที่ที่เป็นสถานที่รวมกลุ่มของลัทธิประหลาด เป็นพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งตนเป็นผู้ดูแลอยู่ หลังทราบเรื่องตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันแรกแล้ว พร้อมเดินสำรวจเบื้องต้น จากการจับพิกัดยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวน และไม่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน นั่นหมายความว่าอยู่ในเขตป่าไม้ และตามมาตรา 4 (1) ที่ระบุที่ดินที่ยังมีผู้ได้มา ตามประมวลกำหมายที่ดิน ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้ยังต้องดูแล ดังนั้น การเข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์โดยไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ถือว่าเป็นการบุกรุกอย่างแน่นอน ขณะนี้ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ออกรางวัดพิกัดทั้งหมด เพื่อคำนวณเนื้อที่ว่าได้เนื้อที่เท่าไร ที่ทำความเสียหายในเขตรับผิดชอบของป่าไม้ จากนั้นจะนำข้อมูลทั้งหมดเข้าแจ้งความเพิ่มเติม ซึ่งจะใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 3-4 วัน ซจากภาพรวมและการตรวจสอบเบื้องต้น ยืนยันว่ามีการบุกรุกอย่างแน่นอน

สำหรับสำนักฤาษีประหลาดนี้ ลูกศิษย์เกือบทั้งหมดเป็นคนต่างถิ่น อาศัยอยู่ในพื้นที่ครอบครองเกือบ 30 ไร่ จากป่าชุมชนทั้งหมด 287 ไร่ คนในพื้นที่ศรัทธาเฉพาะช่วงแรกเกือบ 30 ปีก่อนที่ยังห่มเหลืองเป็นพระสงฆ์ แต่หลังจากเปลี่ยนเป็นฤาษี พร้อมปล่อยสูตรตำรับยาพิสดาร นำซากพืช ซากสัตว์ ผสมให้ลูกศิษย์ดื่มกิน ชาวบ้านในพื้นที่จึงถอยห่างตั้งแต่ตอนนั้น และภายในวันศุกร์นี้ อำเภอคอนสารจะนำประกาศมาติดว่าพื้นที่นี้รุกป่าสาธารณประโยชน์อย่างชัดเจน ไม่มีสิทธิเข้ามาอยู่อาศัย จะให้เวลาออกนอกพื้นที่ใน 7วัน หรือ 15 วัน หากไม่ออกก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]