นครศรีธรรมราช 8 พ.ค. – ยังไม่จบ! “อดีตพระกาโตะ” ถูกออกหมายเรียกให้ปากคำ กรณีให้เงินพระคนกลางเคลียร์นักข่าว ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช วันพรุ่งนี้
นายพัชฐ์สกุน เงินพรหม อายุ 40 ปี บุตรชายนายประยูร เงินพรหม ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช รับมอบอำนาจให้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช คดีเช็คเด้ง ผู้ถูกกล่าวหาคือ “พระดอน” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวังตะวันออก ที่ถูกกล่าวหาเป็นคนกลางรับเงินจากอดีตพระกาโตะเพื่อปิดข่าวฉาว
นายพัชฐ์สกุน เล่าว่า พระดอนมายืมเงินพ่อของตน 200,000 บาทเมื่อปี 2561 โดยใช้เช็คค้ำประกัน ระบุว่าจะคืนภายใน 10 วัน แต่ปรากฏว่าเมื่อครบ 10 วัน นำเช็คไปเคลียริ่งปรากฏเช็คเด้ง ได้ติดต่อพระดอนมาตลอด แต่ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จนกระทั่งเรื่องแดงขึ้น จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีอีกคดีหนึ่ง หลังจากนี้นายประยูรจะมาให้ปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 วันก่อน มีผู้เสียหายลักษณะเดียวกันมาแจ้งความอย่างต่อเนื่องว่าถูกล่อลวงให้ร่วมสร้างวัตถุมงคล เรียกเงินล่วงหน้าแต่ไม่ได้สร้าง เมื่อขอเงินคืนก็ไม่ได้คืน รวมทั้งการว่าจ้างให้ทำงาน ผู้ถูกว่าจ้างซื้อวัสดุสิ่งของ ซื้อสินค้าไปก่อน โดยยังไม่มีการชำระเงิน รวมทั้งความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค อีกนับ 10 คน
ผู้เสียหายส่วนหนึ่งให้ข้อมูลว่าที่หลงเชื่อพระดอน เพราะเป็นผู้มีสถานะเป็นเลขานุการพระผู้ใหญ่ เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ทำให้มีแต่คนเกรงใจ จึงเรียกร้องให้มหาเถรสมาคมพิจารณาหลักฐานข้อมูลที่ปรากฏ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติศรัทธาที่กำลังลุกลาม
ด้านการดำเนินคดี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ ข้อมูลขณะนี้พบว่าพระดอนหลบอยู่ที่บ้านญาติย่าน ต.ควนเมา อ.รัษฎา จ.ตรัง
“กาโตะ” ยังเก็บตัวเงียบ
นายพงศกร จันทร์แก้ว หรืออดีตพระกาโตะ และได้ให้เงิน “พระดอน” ไปเคลียร์นักข่าวนั้น ไม่มีใครในพื้นที่ติดต่อได้ แต่มีรายงานว่ายังพักอาศัยอยู่ในย่าน อ.ฉวาง โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ออกหมายเรียกเพื่อมาให้ปากคำแล้ว คาดว่าน่าจะเข้าไปให้ปากคำที่ สภ.เมือง วันพรุ่งนี้
ขณะที่พระสงฆ์และผู้เสียหายที่มีส่วนเปิดเผยเบื้องหลังของ “พระดอน” เรียกร้องให้คณะสงฆ์ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย เนื่องจากมีเจตนาปกปิดความผิดให้ผู้อื่น และเสนอทรัพย์สินให้ผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิด ลักษณะนี้อาจเข้าข่ายปาราชิก คณะสงฆ์ผู้ปกครอง หรือมหาเถรสมาคม ควรตื่นตัว แสดงความผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ควรเกรงใจ เพราะพระรูปนี้ที่มักอ้างว่ามีความเกี่ยวข้องกับพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม และข้าราชการระดับสูง
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดเพ็ญญาติ และเส้นทางการเงินของอดีตพระกาโตะ อยู่ระหว่างการสอบสวนอย่างละเอียด โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งได้สวนสอบข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนจะเอาผิดกับอดีตพระกาโตะที่นำเงินวัดออกมาใช้ได้หรือไม่นั้น อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ เนื่องจากพยานหลักฐานกำลังนำไปสู่พฤติการณ์ตามความผิดอาญา ในข้อหา “รีดเอาทรัพย์ผู้อื่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 338 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจมีการทำเป็นขบวนการ
สอบปมตั้ง “อดีตพระกาโตะ” เป็นรักษาการเจ้าอาวาส
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เปิดเผยหลังเข้าสอบปากคำพระราชวรญาณ เจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร นานกว่า 50 นาที ว่าวันนี้ได้สอบปากคำพระราชวรญาณ ในประเด็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ ที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่ามีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ มีลายลักษณ์อักษรหรือไม่ เบื้องต้นได้ข้อมูลว่าอดีตพระกาโตะไม่น่าจะเป็นเจ้าพนักงาน เนื่องจากเป็นการแต่งตั้งแบบไม่เป็นทางการ หลังจากนี้จะมีการนำข้อมูลดังกล่าวไปหารือกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อหาแนวทาง และจะให้โอนคดีไปกองบังคับการปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบหรือไม่ ในกรณีที่อดีตพระกาโตะไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน
ส่วนความสัมพันธ์ของเจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร และวัดเพ็ญญาติ มีลักษณะเป็นวัดเครือญาติกัน โดยอดีตเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งวัด เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร ภายหลังเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติมรณภาพได้ฝากฝังให้พระราชวรญาณ เป็นผู้ดูแลต่อ โดยมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากเจ้าคณะตำบลในพื้นที่ แต่เนื่องจากระยะทางที่ค่อนข้างไกล ทำให้พระราชวรญาณไม่ได้ลงไปดูแลกิจการของวัดเพ็ญญาติด้วยตัวเอง แต่จะลงไปเฉพาะศาสนพิธีสำคัญเท่านั้น จึงมีการมอบหมายให้พระกาโตะช่วยดูแลวัดดังกล่าว ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาส
จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นพบว่าอาจจะมีเงินของวัดที่ถูกเบิกจ่ายออกไปโดยไม่ถูกต้อง นอกเหนือจากยอดเงิน 600,000 บาท ที่ถูกเบิกออกไปจากบัญชีวัดตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยยอดเงินได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนย้อนกลับไปตั้งแต่อดีตพระกาโตะเริ่มเข้ามาทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส นอกจากนี้ได้มีการสอบปากคำไวยาวัจกรของวัดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้ข้อมูลมาในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายระเอียดได้ ส่วนที่จะมีการกระทำความผิดในลักษณะเป็นขบวนการหรือไม่ ตอนนี้หลักฐานยังไปไม่ถึงขนาดนั้น
ทั้งนี้ สัปดาห์นี้จะมีการเชิญอดีตพระกาโตะ และสีกาตอง เข้ามาสอบปากคำเกี่ยวกับพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะครองสมณเพศ และที่ไปที่มาของเงิน 600,000 บาท และประเด็นอื่นๆ ที่ตำรวจสืบสวนได้เพิ่มเติม โดยจะแยกนัดหมายคนละวัน เพื่อป้องกันความวุ่นวาย.-สำนักข่าวไทย