อดีตสะใภ้โหดแทงอดีตพ่อสามีดับ 

เพชรบูรณ์ 6 พ.ค.-  ช่วงเวลา 22.00 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 พ.ค.) เกิดเหตุฆาตกรรมโหด ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ รับแจ้งมีคนถูกแทงจนเสียชีวิตที่ริมถนนหน้าบ้านต.นายม อ.เมืองเพชรบูรณ์ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย


ผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นางจำรัส อายุ 71 ปี ถูกของมีคมแทงเข้าที่บริเวณซี่โครงซ้าย จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และที่ริมถนนพบร่างของผู้เสียชีวิต คือ นายประเสริฐ อายุ 71 ปี สามีของผู้บาดเจ็บ ถูกแทงที่บริเวณหน้าอกหลายแผล และที่ท้ายทอยมีแผลฉกรรจ์คล้ายถูกกระแทกกับของแข็ง จึงนำศพไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาล ส่วนผู้ก่อเหตุคือ น.ส.วิพา อายุ 47 ปี และนายแสวง อายุ 45 ปี สองสามีภรรยา หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

นายอดุล อายุ 54 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต เผยว่า ผู้ที่ก่อเหตุเป็นอดีตลูกสะใภ้ของนางจำรัส ซึ่งก่อนที่จะมาอยู่กินกับลูกชายนางจำรัส น.ส.วิพา มีลูกติดมาด้วย 1 คน อายุ 29 ปี แต่มีปัญหาด้านสมอง มีอาการเบลอ ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุใด


ต่อมาลูกชายนางจำรัสที่เป็นสามี น.ส.วิพา เสียชีวิตลง น.ส.วิพา ได้ไปมีสามีอีกหลายคน ล่าสุดคือนายแสวง (รู้จักขณะ น.ส.ไปบวชเป็นแม่ชี ที่วัดแห่งหนึ่ง และนายแสวง ได้บวชเป็นพระ ต่อมาสึกและมาอยู่กินกัน) โดยเมื่อ 3 วันก่อน น.ส.วิพา และนายแสวง ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้าน นำลูกชายมาฝากให้นางจำรัส อดีตแม่ย่าเป็นคนเลี้ยง จึงทำให้นางจำรัสและนายประเสริฐไม่พอใจ ต่อว่าไปหลายคำ เพราะนายหนึ่งกินจุกจิกทั้งวัน เช่น กาแฟวันละ 4 – 5 ซอง อาหารอื่นก็กินเยอะ แต่สองสามีภรรยาไม่สนใจยังทิ้งลูกชายไว้ให้เลี้ยง กระทั่งเช้าวันเกิดเหตุนายใหญ่ ลูกชายนางจำรัส ได้ขับรถนำตัวลูกชาย น.ส.วิพาไปส่งที่บ้านของ น.ส.วิพา ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 20 กิโลเมตร 

ต่อมาช่วงค่ำ น.ส.วิพา กับนายแสวง ขี่รถนำนายหนึ่งกลับมาส่ง พร้อมกับมีการโต้เถียงกับนางจำรัสและนายประเสริฐ มีการท้าทายกัน นายประเสริฐจึงเดินออกจากบ้านตรงไปหาสองผัวเมีย โดยไม่ทันได้ระวังตัว น.ส.วิพาจึงใช้มีดปลายแหลมที่ใช้แกะสลักผลไม้ยาวประมาณ 1 คืบ แทงเข้าไปที่หน้าอกของนายประเสริฐจนล้มลง ท้ายทอยกระแทกพื้นถนน นางวิพาจึงกระโดดขึ้นคร่อมจากนั้นได้ใช้มีดจ้วงแทงบริเวณหน้าอกหลายครั้ง นางจำรัสเห็นดังนั้นจึงวิ่งเข้าไปช่วย แต่ก็ถูก น.ส.วิพา แทงเข้าที่บริเวณหน้าท้อง จนได้รับบาดเจ็บ จึงได้ร้องเรียกให้เพื่อนบ้านออกมาช่วย ส่วนสองสามีภรรยาที่ก่อเหตุ ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งติดตามตัว สำหรับอาการของนางจำรัส แพทย์ได้ทำการผ่าตัด ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง