สมุทรปราการ 4 พ.ค. – ชายคลั่งควงขวานและปืนปลอม ขี่รถจักรยานยนต์บุกลานจอดเครื่องบิน ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ และจะวิ่งเข้าไปในตัวอาคาร โชคดีเจ้าหน้าที่ปิดประตูทัน ก่อนถูกรวบตัวได้ ด้าน ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยืนยันระบบรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ได้หละหลวมแต่อย่างใด และมีแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์ตลอดเวลา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.65) เวลาประมาณ 15.00 น. มีชายขี่รถจักรยานยนต์บุกเข้าเขตการบิน สนามบินสุวรรณภูมิ ลานจอด 3 และพกขวานเข้ามา จากนั้นวิ่งหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่วิ่งเข้าไปในตัวอาคารผู้โดยสาร แต่เจ้าหน้าที่สายการบินปิดประตูกั้นไว้ได้ทัน ทำให้ชายคนดังกล่าวหันไปทุบประตูขึ้นเครื่อง (Gate) จนกระจกแตกกระจาย ก่อนเจ้าหน้าที่สนามบินจะช่วยกันจับตัวไว้ได้
ขณะเกิดเหตุมีเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จอดอยู่ที่บริเวณ Bay 101L ขณะนั้นผู้โดยสารลงจากเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ของสายการบินเห็นชายคนดังกล่าวมุ่งหน้าเข้ามา จึงปิดประตูเครื่องบินได้ทัน ทำให้ชายคนดังกล่าวมุ่งไปที่สะพานเทียบเครื่องบินประตู A4 และขึ้นไปด้านบน กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวไว้ได้ ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายวัชระ อายุ 34 ปี ชาว จ.เลย พร้อมกับตรวจยึดของกลาง เป็นปืนปลอม 1 กระบอก ขวานด้ามเหล็กยาวกว่า 50 เซนติเมตร 1 เล่ม กรรไกรปลายแหลม 1 เล่ม ยาบ้า 1 เม็ด
ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุ ซึ่งยังคงอยู่ในอาการเมายา ทราบว่ามีอาชีพเป็นพนักงานคลังสินค้าแห่งหนึ่งในย่าน อ.บางเสาธง หลังเลิกงานได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากคลังสินค้ากลับไปที่ห้องพักในเคหะเมืองใหม่บางพลี เกิดอาการประสาทหลอน อ้างว่ามีคนบอกให้ไปปล้นเครื่องบิน จึงหาอาวุธและขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปที่สนามบิน พอมาถึงประตูทางเข้าลานจอดรถ 3 ซึ่งเป็นจุดที่มีเจ้าหน้าที่ตรวจค้นผู้ที่จะผ่านเข้าได้ ต้องมีบัตรอนุญาต ชายคนดังกล่าวอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถคันข้างหน้าและเปิดทางให้ผ่านแทรกเข้าไปได้ จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปที่สะพานเทียบเครื่องบิน
เบื้องต้นแจ้ง 6 ข้อหาหนัก คือ 1.ใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใด เป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ระวางโทษประหารชีวิต จําคุกตลอดชีวิต หรือจําคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท 2.พกพาอาวุธ (ขวาน) ไปในทาง เมือง ชุมชน และพื้นที่ห้วงห้ามเจตการบิน โดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัว 4.ขับขี่ยานพาหนะขณะเสพสารเสพติด 5.ทำให้เสียทรัพย์ และ 6.ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ระดมกำลังผู้เกี่ยวข้องไล่ติดตามควบคุมตัวชายคนดังกล่าวได้ในเวลาเพียง 9 นาที จากเหตุการณ์ดังกล่าวยืนยันว่าระบบรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ได้หละหลวมแต่อย่างใด และมีแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์ตลอดเวลา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ผู้ก่อเหตุอาศัยจังหวะที่รถของเจ้าหน้าที่กำลังผ่านประตูทางทางเข้า แล้วเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์แซงซ้ายรถเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบิน ซึ่งตนเองจะได้เรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัยมาทบทวนและเพิ่มแนวทางป้องกันเหตุในลักษณะเช่นนี้
ด้านหัวหน้าเวรรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ต้องมุ่งเน้นมาตรฐานความปลอดภัยด้านชีวิตของเจ้าหน้าที่และผู้โดยสาร เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียชีวิต ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม เจ้าหน้าที่ของการท่าฯ ใช้หลักประเมินสถานการณ์ และคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะตัดสินใจเข้าชาร์จตัวได้สำเร็จ.-สำนักข่าวไทย